บรรยากาศหวานแหววเนื่องในวันวาเลนไทน์ ใครๆมักมอบดอกไม้เป็นสื่อแทนใจแสดงความรัก แต่สำหรับบางคนนั้น ดอกไม้งามอาจส่งผลกระทบกับร่างกาย ด้วยอาการแพ้เกสรดอกไม้ ดังนั้น การใส่ใจเลือกดอกไม้จึงถือว่ามีความสำคัญ

“โรงพยาบาลสมิติเวช” มีคำแนะนำเกี่ยวกับความสำคัญของการเลือกดอกไม้ เนื่องจาก ละอองเกสรดอกไม้มีขนาดเล็กมาก มักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เมื่อสูดดมเข้าไป จึงทำให้เกิดปัญหากับระบบทางเดินหายใจแบบไม่รู้ตัว และส่งผลกระทบมากต่อผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ แม้กระทั่งผู้ป่วยโรคหอบหืด จมูกอักเสบ และโรคผิวหนัง โดยจะมีอาการแสดงเบื้องต้น เช่น จามอย่างต่อเนื่อง คัดจมูก น้ำมูกไหล  รวมถึงอาการคันตา ตาแดง เยื่อบุตาอักเสบ หรือมีผื่นแพ้เมื่อมีการสัมผัสดอก ใบ หรือเกสรได้

เลือกดอกไม้อย่างไรไม่ให้ส่งผลต่ออาการภูมิแพ้ หรือส่งผลน้อยที่สุด

1.เลือกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมน้อยๆ บางๆ หรือไม่มีกลิ่นเลย

เนื่องจากมีงานวิจัย พบว่า กลิ่นของดอกไม้ เป็นน้ำมันหอมระเหย (Volatile Oil) สามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้และเป็นปัจจัยทำให้ระคายเคืองได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว จะมีภาวะเยื่อบุจมูกไว ที่เรียกว่า Nasal Hyperresponsiveness ต่อทั้งสารก่อภูมิแพ้และสารก่อความระคายเคือง ถ้าเลือกดอกไม้ที่มีกลิ่นอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้

2.เลือกดอกไม้ที่กลีบดอกปิดปกคลุมเกสร

หรือไม่มีเกสรโผล่ออกมาภายนอกจะดีกว่า แม้ปกติละอองเกสรดอกไม้เป็นละอองเกสรที่ใหญ่ อาศัยแมลงในการผสมพันธุ์ซึ่งไม่ค่อยฟุ้งกระจายในอากาศ แต่ระดับแอนตี้บอดี้จำเพาะ ที่เรียกว่าชนิดอี (Specific Immunoglobulin E) มักจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเกิดในคนงานที่ทำงานในแหล่งที่ปลูกดอกกุหลาบในประเทศตุรกี ซึ่งแสดงว่าเกสรดอกไม้บางประเภทสามารถฟุ้งกระจายในอากาศและกระตุ้นการเกิดอาการภูมิแพ้ได้

3.เลือกดอกไม้ที่ไม่มียาง ไม่มีหนาม ตามก้านดอก

เพราะอาจทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส หรือผื่นจากการระคายเคืองได้ เมื่อสัมผัสโดนยางหรือขนหรือหนามตามก้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชตระกูลเบญจมาศ ลิลลี่ ทิวลิป เยอร์บีน่า

อย่างไรก็ตาม หากเกิดภาวะภูมิแพ้กำเริบ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นภูมิแพ้หรือไม่ เมื่อเกิดความผิดปกติกับร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการไอ จาม คัน ผื่นขึ้นตามร่างกาย หายใจลำบาก รวมถึงแสบตา น้ำตาไหล ควรหาเวลาเข้าพบอายุรแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้ เพื่อรับการตรวจหาอาการ หรือทดสอบภูมิแพ้ จะได้ป้องกันและรักษาตัวเองให้ห่างไกลจากภูมิแพ้