เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมตัวแทน 44 สส. ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกหนังสือเชิญเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง สืบเนื่องจากกรณีร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การทำหน้าที่ของพวกเราทุกคน ในการยื่นร่างแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของ สส. ที่ใช้อำนาจตามกระบวนการนิติบัญญัติ ยืนยันว่า การกระทำของพวกเราไม่ควรที่จะต้องผิดกฎหมายข้อหนึ่งข้อใด ไม่ควรจะต้องถูกร้องเรื่องการผิดจริยธรรมร้ายแรง สำหรับกระบวนการในการทำงานต่อจากนี้ เบื้องต้นภายหลังจากมีหนังสือในการชี้แจงเรียกพวกเราเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จะมีเวลาอีก 15 วัน ซึ่งพวกเราจะขอใช้สิทธิในการขยายกรอบเวลา เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 อย่างไรก็ตาม ยังมีเพื่อน สส.ของพวกเราบางส่วน เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาก่อนเบื้องต้น เพื่อที่อย่างน้อยๆ เราจะได้รับทราบรายละเอียดในข้อกล่าวหา รวมถึงรายละเอียดพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช. รวบรวมมาได้

“เราไม่มีความเสียสมาธิใดๆ ยังยืนยันว่า คดีนี้ไม่ได้ส่งผลต่อพวกเราใดๆ ทั้งสิ้น ยังยืนยันเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป เพราะงานในสภา นอกเหนือจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ยังมีชุดกฎหมายต่างๆ ที่เราเตรียมยื่นนำเสนอในปีนี้ รวมถึงงานท้องถิ่น เช่น อบจ.ลำพูน และสนามการเลือกตั้งเทศบาล และยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเราจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งยังจำเป็นต้องอาศัยกลไกของสภา พวกเรายืนยันว่าพวกเราไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่กระทบต่อสมาธิในการทำงาน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าถึงข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เบื้องต้นเราทราบมาว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีชุด แต่ดูตามการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาเป็นรายบุคคล ซึ่งเราได้มีการเตรียมทีมกฎหมายไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เผื่อแก้ข้อกล่าวหาใดๆ ก็ตาม ไม่ยอมให้ ป.ป.ช. มัดมือ มัดรวม ที่จะเร่งรัดกระบวนการ เราอยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับการดำเนินคดีอื่นๆ ใน ป.ป.ช. หากย้อนกลับไปดูหลายๆ กรณีที่ผ่านมา การฟ้องร้องเป็นรายบุคคลใช้เวลาไต่สวนเป็นปี ๆ ก่อนที่ ป.ป.ช.จะยื่นไปที่ศาลฎีกา เราไม่อยากให้ ป.ป.ช.มีหลายมาตรฐาน ไม่อยากให้คดีนี้ถูกเร่งรัดจนเป็นที่น่าสงสัย

ส่วนจะมีบุคคลใดเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ได้มีการแบ่งแยกไว้แล้ว แต่คงยังเปิดเผยรายละเอียดว่าใครจะเข้าไปบ้างไม่ได้ เนื่องจากอาจกระทบต่อรูปกฎหมาย ที่ทีมกฎหมายของเราได้เตรียมการในส่วนนี้ไว้ เตรียมไว้ชุดใหญ่ จำนวนหลายสิบคนอยู่

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่พวกเราทำได้คือการเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เชื่อว่า เพื่อนสมาชิก และ สส.คนอื่นของพรรคประชาชน สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ทั้งในและนอกสภา สิ่งที่พวกเราทำอยู่คือการไม่เสียสมาธิต่อการฟ้องร้องทางการเมืองในลักษณะนี้ เดินหน้าทำงานต่อ สุดท้ายเสียงของประชาชนจะเป็นคนที่สนับสนุนหรือตัดสินเราต่อไป

เมื่อถามว่า ถ้าผลไม่เป็นคุณ จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องตรงนั้น คงเป็นเรื่องในอนาคตที่เราต้องดูก่อน แต่หากเกิดเคสในกรณีนั้นจริง ก็คิดว่าไม่กระทบต่อการทำงานใดๆ อย่างไรก็ตาม ความเป็นผู้แทนราษฎรไม่ได้มีแค่งานในสภาอย่างเดียว เรายังสามารถทำงานให้ประชาชนตรงตำแหน่งแห่งที่ไหนก็ได้ ถ้าจะให้ตอบล่วงหน้า ตนคิดว่ายังเร็วไป เพราะเรายังไม่ได้รับทราบรายละเอียด ส่วนประเด็นทางการเมือง เชื่อว่าหลายฝ่ายคงมีการตั้งข้อสงสัยไว้ ว่าจะมีความเกี่ยวข้องหรือไม่กับกรณี ประธาน ป.ป.ช. แต่ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถประเมินได้ ตนไม่อยากให้ข่าวเป็นเรื่องของการคาดเดา ขอดูข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร.