จากกรณีป้าน้อง (สงวนชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 59 ปี ชาว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จับ “ควาย” เพื่อนบ้านเป็นตัวประกัน 3 วัน หลังเข้ามากัดกินต้นกล้วยจนเกือบหมดสวน จึงทำให้ตำรวจต้องช่วยเจรจาวุ่นให้ปล่อยควาย เสี่ยงโดนข้อหาลักทรัพย์ ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
ตร.เจรจาวุ่นป้าจับ ‘ควาย’ เป็นตัวประกัน ฉุนโดนบุกรุกกินกล้วยเกือบหมดสวน
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” ได้ออกมาโพสต์ให้ข้อกฎหมายถึงเคสดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “ในกรณีที่เราเป็นเจ้าของที่ดิน ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ไว้ เช่น ปลูกผัก เลี้ยงไก่ ต่อมา สัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน เช่น วัว ควาย เข้ามากัดกินพืชที่เราปลูกไว้ เช่นวัว ควาย ของเพื่อนบ้าน มากัดกินผัก ข้าว ต้นไม้ของเรา หรือเราเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู”

อีกทั้ง “มีหมาของเพื่อนบ้านเข้ามากัดไก่ หรือหมูของเราตาย หรือพืชผักเราเสียหาย หากเรามาพบเห็นสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน ในขณะที่เข้ามาทำลายพืช หรือกัดสัตว์เลี้ยงของเรา เราในฐานะเจ้าของที่ดินที่ได้รับความเสียหาย สามารถจับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้านไว้ เพื่อให้เพื่อนบ้านนำเงินมาจ่ายค่าเสียหาย แลกกับการปล่อยสัตว์ของเขาได้ รวมทั้งสามารถฆ่ามันได้ ถ้าจำเป็น เช่นหมาดุจะกัดเราด้วย โดยไม่มีความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา เพราะมีกฎหมายให้อำนาจเราไว้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 452 ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอันเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน อันจะพึงต้องใช้แก่ตนได้ และถ้าเป็นการจำเป็นโดยพฤติการณ์ แม้จะฆ่าสัตว์นั้นเสียก็ชอบที่จะทำได้ วรรคสอง แต่ว่าผู้นั้นต้องบอกกล่าวแก่เจ้าของสัตว์โดยไม่ชักช้า ถ้าและหาตัวเจ้าของสัตว์ไม่พบ ผู้ที่จับสัตว์ไว้ต้องจัดการตามสมควรเพื่อสืบหาตัวเจ้าของ”
ขอบคุณข้อมูล : ทนายเกิดผล แก้วเกิด