เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่มูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พ่อวัย 68 ปี แม่วัย 71 ปี พร้อมด้วย เพื่อนลูกสาว เดินทางจาก จ.ลำปาง เข้าร้องกรณี น้องมายด์ ลูกสาว อายุ 29 ปี มีสามีเป็นหนุ่มบังกลาเทศไปอยู่กินกันที่ประเทศโอมาน หายตัวไปนานกว่า 3 เดือนติดต่อไม่ได้ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เพื่อนบอกว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวถูกสามีบังคับให้เสพยาเสพติด ถูกทำร้ายสาหัสจนพิการมือหงิกงอ เดินกะเผลก หน้าตาบวมช้ำ พูดจาแทบฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนไม่ตายก็ต้องพิการ ขณะที่สามีถูกตำรวจโอมานจับกุมคดียาเสพติด เพราะเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดไปเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ยังปิดปากเงียบ ตอนนี้ทำใจวอนมูลนิธิปวีณาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาลูกสาว ไม่ว่าจะเจอในสภาพใดขอช่วยส่งกลับมาบ้านเกิด เพราะสงสารหลานชายวัย 10 ขวบ ลูกของน้องมายด์ ซึ่งเป็นเด็กพิเศษเรียนอยู่ป.6 นั่งมองเครื่องบินที่บินผ่านบ้านทุกวันรอคอยแม่กลับมา คอยถามทำไมแม่ไม่มาสักที

เพื่อนน้องมายด์ กล่าวว่า มายด์ไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศโอมานตั้งแต่ปี 2563 ต่อมาได้รู้จักกับหนุ่มบังกลาเทศและอยู่กินกันแบบสามีภรรยา ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ได้เจอมายด์เลย เขาเคยกลับมาไทยช่วงเดือน ก.พ. 67 แต่ไม่ได้กลับไปเจอพ่อแม่ที่ลำปางเลย และก็ไม่ได้มาเจอเพื่อนๆ ด้วย จะติดต่อกันทางแอปเมสเซนเจอร์และเห็นเวลาที่โพสต์เฟซบุ๊กเวลาที่ไปเที่ยวไหนทำอะไรเท่านั้น ซึ่งเพื่อนๆ หลายคนได้ข้อมูลไม่เหมือนกันเวลาที่เขาไปไหนหรือมาไทย แต่เขาจะโพสต์เฟซบุ๊กในสิ่งสวยงามเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ หรือโพสต์รูปสวยๆ เหมือนกับว่ามีความสุขกับสามี แต่ก็ไม่เคยโพสต์ให้เห็นหน้าตาของสามีเลยจะเห็นแต่รูปจับมือกันหรือมีสติกเกอร์แปะที่ใบหน้าสามีเท่านั้น
กระทั่งเดือน ต.ค. 67 เห็นมายด์โพสต์รูปลงสตอรี่ในเฟซบุ๊กเป็นภาพกำลังนอนให้เลือดอยู่ที่โรงพยาบาล จึงสอบถามจนรู้ว่าถูกสามีทำร้าย แต่มายด์ไม่ได้บอกอะไรมาก เหมือนมีความลับที่บอกใครไม่ได้ แต่ก็พูดว่า “สามีเป็นเอเย่นต์ค้ายา เคยฆ่าคนมาแล้ว 3 ศพ ถ้าวันหนึ่งตัวเองหายไปก็อาจจะเป็นศพที่ 4 ก็ได้” ตนพยายามจะเตือนเพื่อนให้กลับบ้านเราดีกว่า แต่มายด์ก็ไม่เชื่อ โดยล่าสุดที่คุยกับมายด์ก็ประมาณเดือน พ.ค. 67 มายด์แชตมาคุยขอให้ไปบ้านและส่งเอกสารส่วนตัวมาให้เพื่อจะไปทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ ซึ่งตนก็ได้ส่งไปให้และเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊กไปเที่ยวเช็กอินที่ประเทศไต้หวัน และโพสต์อีกว่ากำลังจะไปเที่ยวประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก

ทั้งนี้ในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ. เวลา 16.00 น. นางปวีณา จะพาพ่อแม่น้องมายด์ไปกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปพบกับ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ และทีมงานตำรวจสากลไทย เพื่อให้ข้อมูลและขอให้ประสานตำรวจสากลโอมาน ช่วยติดตามตัวน้องมายด์โดยเร็ว โดยนางปวีณา ได้ประสาน นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผอ.กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล และนายมณฑล จันทร์ศิริ ตำแหน่งนักการทูตชำนาญการ (ที่ปรึกษา) กรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ทราบว่ากำลังติดตามตัวน้องมายด์อยู่ โดยจะมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผอ.มูลนิธิปวีณาฯ พาพ่อแม่น้องมายด์ไปให้ข้อมูลที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และเชื่อว่าจะได้รับทราบข่าวความคืบหน้าในเร็ววันนี้ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. ได้ประสาน นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ และนายมณฑล จันทร์ศิริ ตำแหน่งนักการทูตชำนาญการ (ที่ปรึกษา) กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ทราบว่ากรมการกงสุล ได้รับทราบและเร่งติดตามเรื่องกับสถานทูตไทยในโอมานแล้ว ทั้งนี้นางปวีณาจะได้มอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผอ.มูลนิธิปวีณาฯ พาพ่อแม่น้องมายด์ไปกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากวันนี้ 23 ก.พ. มีเพื่อนของน้องมายด์เดินทางกลับมาจากโอมานและมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับตัวจากสนามบินเข้าพบนางปวีณาทันที

โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามน้องมายด์ โดยวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ เวลา 16.00 น. จะพาพ่อแม่น้องมายด์เข้าพบ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชุมร่วมกันกับ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ และทีมงานตำรวจสากลไทยเพื่อให้ข้อมูล โดยตำรวจสากลไทยจะประสานตำรวจสากลโอมานติดตามตัวน้องมายด์ทันที และนางปวีณาจะมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผอ.มูลนิธิปวีณาฯ พาพ่อแม่น้องมายด์เข้าให้ข้อมูลเพื่อเติมกับกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้