เมื่อค่ำวันที่ 24 ก.พ. 2568 พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี นำทีมชุดสืบลงพื้นที่ตรวจสอบเป้าหมายจุดพักคอย บริเวณบ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังพบข้อมูลว่าเกี่ยวข้องขบวนการขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พบชาวต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 22 คน เป็นชาย 17 หญิง 5 จึงควบคุมตัว นายบุญลือ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี พร้อมของกลาง รถกระบะหลังคาตู้ทึบ ทะเบียน เพชรบูรณ์ เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ช่วยเหลือหรือซ่อนเร้นด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร พ้นจากการจับกุม” ส่วนชาวเมียนมา ทั้ง 22 ราย แจ้งข้อหาความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่ง สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี นำทีมชุดสืบสวนลงพื้นที่เป้าหมายบ้านเช่าดังกล่าว พบรถกระบะของกลาง กำลังนำคนต่างด้าว 18 ราย ขึ้นรถ จึงเข้าแสดงตัวตรวจสอบพบว่าชาวต่างด้าวไม่มีเอกสารแสดงตัวตนและเอกสารการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จึงควบคุมตัวไว้ ก่อนให้นายบุญลือ ผู้ดูแลนำตรวจค้นในห้องพักบ้านเช่าดังกล่าว พบชาวต่างด้าวอีก 4 ราย รวมเป็น 22 คน จึงทำการจับกุมส่งดำเนินคดีดังกล่าว

นายบุญลือ ให้การรับสารภาพว่า รับการติดต่อให้มารับตัวคนต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวบริเวณบ้านเช่าที่เกิดเหตุพาไปส่งที่ปลายทาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยได้รับการติดต่อจาก นายจ่อย ได้ค่าจ้าง 8,000 บาท ขณะที่ผู้ต้องหาชาวเมียนมา ให้การว่า หลบหนีเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.สังขละบุรี และขึ้นรถกระบะสีขาว จาก อ.สังขละบุรี เดินทางหลบเลี่ยงจุดตรวจจนมาถึงจุดพักคอยอยู่ที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ โดยมีจุดหมายปลายทางคือจะไปทำงานในประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 30,000 บาท กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว

พ.ต.อ.กรณ์ กล่าวว่า ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้ 7 มาตรการเข้มข้น แก้ไขปัญหาคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ถูกหลอกลวง หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึง 3 มาตรการเข้ม ตรวจคัดกรองคนต่างด้าว สกัดกั้นป้องกันเหตุ และดำเนินคดีสืบสวนขยายผล ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 นั้น

ตม.จว.กาญจนบุรี มีผลการดำเนินการตามนโยบาย ตั้งแต่วันที่ 1-24 ก.พ. 2568 ดังนี้ ผลการดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก การสุ่มตรวจการขออยู่ต่อ 78 ราย ดำเนินการตาม ม.38 จำนวน 98 ราย และสำรวจจัดทำข้อมูลท้องถิ่นฯ จำนวน 262 ราย

ผลการตรวจคัดกรองคนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย รวม 485 ราย สัญชาติ 5 อันดับสูงสุด ได้แก่ เมียนมา 330 ราย ฝรั่งเศส 34 ราย มาเลเซีย 29 ราย ญี่ปุ่น 36 ราย เยอรมนี 10 ราย และ อื่นๆ 100 ราย ขณะที่ผลการจับกุมผู้กระทำความผิดมีดังนี้ 1.ช่วยเหลือ/ซ่อนเร้น 13 คดี 14 ราย 2.หลบหนีเข้าเมืองฯ 12 คดี 316 ราย 3.การอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) 1 คดี 1 ราย 4.ใช้หนังสือเดินทางปลอม 5 คดี 5 ราย 5.ยาเสพติด (เฮโรอีน 5.25 กก.) 1 คดี 3 ราย 6.พยายามนำออกสินค้าโดยไม่ผ่านศุลกากร 1 คดี 3 ราย โดยมีคดีที่อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล จำนวน 2 คดี

ทั้งนี้ยังได้กำชับการปฏิบัติ ควบคุมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.กาญจนบุรี ปฏิบัติตาม 7 มาตรการ ของ ผบ.ตร., 3 มาตรการของ ผบช.สตม. อย่างเข้มข้น และนโยบายของ ผบก.ตม.3 ให้ปฏิบัติการเข้มงวด สกัดกั้น ปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรม “Seal Stop Safe” ของพื้นที่ บก.ตม.3 ทั้งด่านความมั่นคงพื้นที่ชั้นใน และตามแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี โดยเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ให้กวดขันตามมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกระทำความผิดทุกรูปแบบ และได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมดำเนินการสืบสวนขยายผล กรณีมีเครือข่ายลักลอบขนคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายด้วยตนเอง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา