เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 68 นายษฐา ขาวขำ สส.นครศรีธรรมราช เขต 7 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา ตนได้หารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องการบริหารจัดการขยะมูลฝอย ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดย จ.นครศรีธรรมราช มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 185 แห่ง แบ่งกลุ่มกำจัดขยะออกเป็น 6 คลัสเตอร์ กลุ่มที่ 1 ดำเนินการโดยเทศบาลนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี 2540 ตั้งอยู่ในที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมือง ใช้ร่วมกันแปลง “ดอนหัวเล” เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำขยะมาทิ้งจำนวน 50 แห่ง มีขยะสะสมอยู่ประมาณ 2 ล้าน 4 แสนตัน 

นายษฐา กล่าวต่อว่า ต่อมาเทศบาลนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย โดยได้ขอถอนสภาพที่ดินต่อกระทรวงมหาดไทย เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในระหว่างนั้นมีประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบบ่อขยะได้ยื่นฟ้องเทศบาลนครศรีธรรมราช พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่น และน้ำเสียจากบ่อขยะ

นายษฐา กล่าวว่า ต่อมาศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีนำขยะมูลฝอยที่มีอยู่ในส่วนที่เกินกว่าประสิทธิภาพของการกำจัดขยะของระบบที่มีอยู่ออกจากบ่อขยะ ทั้งกำจัดขยะที่เหลือตามหลักสุขาภิบาลและห้ามนำขยะมูลฝอยไปทิ้งที่บ่อขยะเพิ่มขึ้นอีก จากผลของคำพิพากษาเทศบาลนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศงดรับขยะจากนอกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67 คงไว้เพียง 3 แห่ง ส่วนที่เหลือไปใช้พื้นที่เอกชน 5 แห่ง ใช้พื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี 28 แห่ง ต้องบริหารจัดการเอง 14 แห่ง จึงทำให้เกิดปัญหาในการบริหารจัดการขยะเป็นจำนวนมากและจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาขยะใน จ.นครศรีธรรมราช เป็นไปอย่างยั่งยืน ขอให้กระทรวงมหาดไทยนำเรื่องการขอเพิกถอนสภาพที่ดินแปลง “ดอนหัวเล” เสนอต่อ ครม.เป็นกรณีเร่งด่วนด้วย.