หลังศึกซักฟอกในส่วนของ ‘นายกฯอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร’ นอกจากตั้งหน้าตั้งตาเร่งผลิตผลงาน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 27 มี.ค. มีมติ 2 เรื่องใหญ่ คือ ‘เรื่องกาสิโน และพ.ร.ก.แก้ปัญหาตลาดทุน’ ขณะที่ภารกิจด้านการเมือง ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง หลังได้รับความไว้วางใจจากสภาฯ ว่าเป็น ‘นายกฯเจนวาย’ ตัวจริง พร้อมปฏิเสธภาพ ‘นายกฯหุ่นเชิด’ ชักใยโดย ‘พ่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’
‘นายกฯ’ ต้องแสดงภาพลักษณ์ให้เป็นที่ประจักษ์ เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่เจนวาย (เกิดปี 2523-2540) ที่มีความมั่นใจสูง มีอิสระทางความคิด เข้าถึงเทคโนโลยี ชอบทำงานเป็นทีม และเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ จะมาพูดลอยๆเอาสวยทางการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ อาจต้องประเดิมด้วยอีเวนท์ใหญ่ ผ่านการปรับครม. แม้ ‘นายกฯ’ จะบอกว่ายังไม่ถึงเวลา
หลังมีกระแสข่าวเกิดขึ้นทั่วแวดวงการเมือง เริ่มในส่วนของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่มีข่าวเปลี่ยนตัวออก ไม่ว่าจะเป็น ‘พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์’, ‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ’, ‘สรวงษ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา’, ‘จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ ‘ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย’ ซึ่งบางผลงานไม่เข้าเป้า รวมถึงหมดวีซ่าตอบแทนบุญคุณ
เช่นเดียวกับ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ที่มีกระแสเรียกร้อง ให้เปลี่ยน ‘สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์’ ออกหลังถูกโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายค้านตั้งแต่สมัยนั่ง ‘รมว.แรงงาน’ ในรัฐบาล ‘บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ’
ยังมีเก้าอี้ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม’ และ ‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม’ ก็เริ่มสั่นหลังศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องใช้อำนาจของคณะกรรมการคดีพิเศษแทรกแซง กกต. ปมฮั้วเลือกส.ว.ที่ไม่รู้จะกลายเป็นหนังสั้น หรือ หนังยาว และจะมารวมในการปรับครม.ด้วยหรือไม่
สังคมจับตาว่า ‘นายกฯ’ จะเป็นผู้นำตัวจริง เช่น ดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะ เข้ามาร่วมทำงานคู่กับวัยเก๋าที่มีประสบการณ์สูง รวมถึงกล้าทลายระบบโควตาต่างตอบแทน โดยเฉพาะนักการการเมืองที่วิ่งผ่านทาง ‘พ่อ’ หรือไม่
‘นายกฯเจนวาย’ จะบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ ได้ลงตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้ภาพตัวเอง และรัฐบาลมัวหมองไปด้วยการเมืองแบบเก่า เช่นคำพูด ‘นายกฯ’ หลังจบศึกซักฟอก ว่า “ไม่ต้องการให้รัฐบาลมีภาพงูเห่า และไม่จำเป็นต้องตอบแทน หรือต่อรองเสียงที่เพิ่มขึ้นมาทั้งนั้น”
สัญญาณนี้ คงส่งถึงใครบางคนหรือไม่ ที่กำลังเพาะฟาร์มงูเห่า สร้างอิทธิพลทางการเมือง และอำนาจต่อรองให้ตัวเอง หลังโชว์พลังงูเห่า 7 เสียงจากฝ่ายค้าน เพื่อเติมคะแนนไว้วางใจ รวม 319 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง
เพราะ “นายกฯ” รู้ดีว่า “งูเห่า” เปรียบเป็นของแสลงของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้งส.ส.ในศรีสะเกษ เมื่อปี 66 จนเกิดวาทกรรรมการเมือง “ไล่หนู ตีงูเห่า” ลามถึงเลือกตั้งนายกอบจ.
อีกทั้งด้วยเสถียรภาพกว่า 300 เสียงของรัฐบาล ไม่ต้องใช้บริการงูเห่า เพราะเสียงไม่ได้ปริ่มน้ำ หลัง ‘พรรคส้ม’ ออกมาโหนกระแส ปูดคนฝั่งรัฐบาลซื้องูเห่า 20 ล้านบาท โดย “นายกฯ” ปฏิเสธการซื้องูเห่าด้วยท่าทีจริงจังว่า “รัฐบาลเราเหลือเฟืออยู่แล้ว ถ้าต้องซื้อก็เสียดายตังค์เหมือนกัน เราจะไปซื้ออีกทำไม ประหยัดตังค์ไว้ดีกว่า”
นอกจากนี้ “นายกฯอิ๊งค์” ยังแสดงความหนักแน่น ผ่านการตอบคำถามสื่อฯลำบากใจหรือไม่ หากทุกคนวิ่งไปหา ‘ทักษิณ’ เพื่อกดดันในการปรับ ครม. “คิดว่าทุกคนถ้าอยากได้อะไร ก็คงจะต้องมีการวิ่งทุกช่องทาง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ “ก็ดูกันเองว่าวิ่งทางไหนแล้วเป็นผลแล้วกันค่ะ”ต้องจับตาเมื่อถึงเวลานั้น ‘นายกฯเจนวาย’ จะโชว์สภาวะผู้นำตัวจริง ด้วยการตัดสินใจ ตั้งครม.แพทองธาร 1/2 ด้วยอำนาจของตัวเองอย่างแท้จริงได้หรือไม่ แต่หากสุดท้ายผลออกตรงข้าม เดินตามโพยของ ‘พ่อ’ ภาพลักษณ์ ‘นายกฯหุ่นเชิด’ จะเป็นชนักติดตัวไปตลอดชีวิต