เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ รพ.ราชวิถี นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผอ.รพ.ราชวิถี ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการดำเนินงานการดูแลรักษาผู้ป่วยและความปลอดภัยโครงสร้างอาคารของ รพ.ราชวิถี ภายหลังสถานการณ์แผ่นดินไหวในวันที่ 28 มี.ค. 2568 ว่า รพ.ราชวิถี มีผู้ป่วยเข้ารับบริการจำนวนมาก ในแต่ละปีดูแลผู้ป่วย 1.4 ล้านครั้งต่อปี ขณะเดียวกันอาคารใหญ่ที่ให้บริการ คือ อาคารทศมินทราธิราช มีความสูง 25 ชั้น ถือเป็นหัวใจหลักของ รพ. โดยให้บริการผู้ป่วยนอกวันละ 6,000 คน และยังมีญาติอีก แต่ละวันอาคารนี้จึงมีคนใช้ตึกราว 1 หมื่นกว่าคนต่อวัน ประกอบกับอาคารนี้ยังมีหอผู้ป่วยในประมาณ 440 เตียง มีไอซียู 30 เตียง ห้องผ่าตัดอีก 15 ห้อง ส่วนอาคารสิรินทร 12 ชั้น มีผู้ป่วยในส่วนหนึ่ง
นพ.จินดา กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุ ได้ทำการย้ายผู้ป่วยทั้งอาคารทศมินทราธิราช และอาคารสิรินทร แบ่งเป็น กลุ่มสีแดง ผู้ป่วยหนัก 63 ราย ได้รับการดูแลใน Extended ICU (ย้ายไป รพ.สงฆ์ 1 ราย) กลุ่มสีเหลืองอาการปานกลาง 291 ราย ได้รับการดูแลที่ รพ.สนาม และย้ายไป รพ. ในเครือกรมการแพทย์ 70 ราย ได้แก่ รพ.ราชวิถี 2 จำนวน 32 ราย สถาบันโรคทรวงอก 29 ราย รพ.สงฆ์ 5 ราย สถาบันประสาทวิทยา 2 ราย สถาบันมะเร็ง 2 ราย และกลุ่มสีเขียว อาการไม่รุนแรง 53 ราย ได้ประสานส่งตัวไปเข้ารับการรักษาที่ รพ.สงฆ์ 6 ราย สถาบันมะเร็ง 2 ราย จำหน่ายผู้ป่วย 22 ราย ส่วนวันที่ 29 มี.ค. 2568 สามารถจำหน่ายผู้ป่วยเพิ่มได้ 45 ราย ดังนั้น ภาพรวมคนไข้ และเจ้าหน้าที่ปลอดภัย ไม่มีใครเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
นพ.จินดา กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สองคืออาคารบริการต่างๆ ใน รพ.ราชวิถี กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ได้เข้ามาตรวจสอบโครงสร้างอาคารแล้ว ซึ่งมี 3 อาคารหลัก คือ 1. อาคารสิรินธร สามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ โครงสร้างปลอดภัย ใช้งานได้ 2. อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารจอดรถ 12 ชั้น ใช้งานได้ตามปกติ ยกเว้นโถงลิฟต์ใหม่ที่พบรอยร้าว ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างและการใช้งาน จึงต้องปิดเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมก่อนกลับมาใช้ และ 3. อาคารทศมินทราธิราช ตรวจพบรอยร้าวที่อาจกระทบต่อโครงสร้าง ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมากวันละกว่า 1 หมื่นคน จึงขอให้งดใช้ตึกไปก่อน เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจากสภาวิศวกรรมฯ เข้ามาตรวจโดยละเอียดอีกครั้ง ด้วยเครื่องมือพิเศษ เพื่อยืนยันความปลอดภัย
ผอ.รพ.ราชวิถี กล่าวอีกว่า สำหรับอาคารทศมินทราธิราช เป็นอาคารหลักที่เปิดใช้บริการผู้ป่วย กรมการแพทย์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ประเมิน และให้ข้อเสนอแนะการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารทศมินทราธิราช รพ.ราชวิถี จากเหตุแผ่นดินไหว ตามคำสั่งเลขที่ 259/2568 ลงวันที่ 29 มี.ค. 2568 ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เกี่ยวกับวิศวกรรมโครงสร้างอาคาร จากทุกภาคส่วน ได้แก่ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง กองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย มูลนิธินายช่างไทยใจอาสา และเขตราชเทวี เป็นต้น เพื่อประเมินผลกระทบจากแผ่นดินไหว ที่อาจจะได้รับความเสียหาย ความมั่นคง แข็งแรงของโครงสร้างอาคาร และความปลอดภัยของอาคารในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา
นพ.จินดา กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่ 3 แผนบริหารความต่อเนื่องภายใต้ภาวะวิกฤติ (Business Continuity Plan : BCP) สำหรับการวางแผนดำเนินการรองรับการให้บริการใน 3 วันแรก ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-2 เม.ย. 2568 หลังพ้นภาวะวิกฤติ ที่มีพื้นที่การให้บริการที่จำกัด โดยของดให้บริการตรวจโรคผู้ป่วยนอกทุกคลินิก ยกเว้นกรณีอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน สามารถใช้บริการที่อาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินได้ตามปกติ โดยในวันที่ 3 เม.ย. 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะต้องเซตจุดโอพีดีชั่วคราวขึ้นตามจุดต่างๆ โดยผู้ป่วยใหม่หากชะลอมาได้ขอความร่วมมือก่อน ส่วนผู้ป่วยเก่าที่มีนัดสามารถมาที่ รพ. ได้ หากจำเป็นต้องเลื่อนนัดทาง รพ.จะโทรศัพท์ไปแจ้ง หรือประสานส่งยาทางไปรษณีย์แทน ส่วนผู้ป่วยที่จำเป็นต้องผ่าตัด เนื่องจากปัจจุบันใช้ได้ 6 ห้อง จึงจำเป็นต้องผ่าตัดเฉพาะฉุกเฉินจริงๆ ส่วนเคสรอได้ต้องขอเลื่อนออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดอธิบดีกรมการแพทย์สั่งการให้ รพ. ในสังกัดกรมอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบเตรียมห้องผ่าตัดที่มีศักยภาพ เพื่อให้ รพ.ราชวิถี ได้จัดทีมไปใช้ห้องผ่าตัดร่วมได้ เช่น สถาบันประสาทวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เป็นต้น อยู่ระหว่างประสานงานกัน
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2206-2900 หรือ ติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook ของรพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ และ Line Official Account รพ.ราชวิถี @rajavithi