สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ว่า นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวถึงการที่จีนขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐเป็นอย่างน้อย 125% เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้าของจีนเป็นอย่างน้อย 145% ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ “ยังคงมองโลกในแง่ดี” ว่าจะสามารถ “บรรลุข้อตกลง” กับอีกฝ่ายได้
อย่างไรก็ตาม เลวิตต์ยืนยันว่า ทรัมป์มีความคิดเสมอว่า “หากสหรัฐโดนต่อย เราต้องต่อยกลับหนักกว่า” พร้อมทั้งเปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้มีอย่างน้อย 15 ประเทศ ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลวอชิงตันพิจารณา ระหว่างช่วงเวลาระงับใช้ภาษีต่างตอบแทนเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งจะมีผลจนถึงวันที่ 9 ก.ค. นี้
REPORTER: Why would any of our allies work with us to isolate China in a trade war if we're treating friend and for alike?
— Aaron Rupar (@atrupar) April 11, 2025
LEAVITT: You'll have to talk to our allies who are reaching out to us. The phone are ringing off of the hooks. They need the United States of America. pic.twitter.com/ANaTQNbqFi
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังคงเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐ “คือสกุลเงินทางเลือก” หลังมีรายงานว่า เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าที่สุดในรอบกว่า 3 ปี เมื่อเทียบกับเงินยูโร ระหว่างการซื้อขายในช่วงหนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่านับตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. สินค้าทุกประเภทซึ่งมีต้นทางมาจากสหรัฐ หรือผลิตในสหรัฐ ต้องชำระภาษีที่อัตราเพิ่มเป็นอย่างน้อย 125% จากเดิม 84%
ขณะเดียวกัน รัฐบาลปักกิ่งร้องเรียนอย่างเป็นทางการ ไปยังองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เกี่ยวกับการที่สหรัฐใช้มาตรการภาษีฝ่ายเดียวอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นการละเมิดระเบียบการค้าระหว่างประเทศ กฎเกณฑ์ขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และสามัญสำนึกของการค้าระหว่างประเทศด้วย
แม้นับจากนี้ จีน “จะไม่ให้ค่า” กับมาตรการภาษีของสหรัฐอีก เนื่องจากเป็นมาตรการที่ไม่สมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจแม้แต่น้อย โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าสินค้า และสหรัฐ “ต้องแสดงความรับผิดชอบ” กับการสร้างความปั่นป่วนอย่างรุนแรงให้แก่เศรษฐกิจโลก แต่หากสหรัฐ “ยังไม่หยุด” จีนพร้อมปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน.
เครดิตภาพ : AFP