สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า นางเอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ระบุว่า ดับเบิลยูทีโอคาดว่า ปริมาณการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จะร่วงลงถึง 81% ขณะที่ความไม่แน่นอนที่คงอยู่ จะคุกคามการเติบโตของโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจเปราะบางที่สุด

รายงานล่าสุดของดับเบิลยูทีโอคาดการณ์ว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน การค้าโลกมีแนวโน้มลดลง 0.2% ในปีนี้ ก่อนมีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อยที่ 2.5% ในปี 2569 โดยตัวเลขปี 2568 ลดลงเกือบ 3% จากที่คาดไว้ ก่อนทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรกับทั่วโลก

มากไปกว่านั้น ความเสี่ยงด้านลบที่รุนแรง อาจทำให้การค้าหดตัวลงเหลือ 1.5% ในปี 2568 หากสถานการณ์ย่ำแย่ลง

ผลกระทบของภาษีจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยในอเมริกาเหนือจะเห็นการส่งออกลดลง 12.6% และการนำเข้าลดลง 9.6% ในปี 2568 ขณะที่ตัวเลขโดยรวมของภูมิภาค จะลดลง 1.7% จากการเติบโตของการค้าทั่วโลกในปี 2568

เอเชียจะเติบโตในระดับปานกลาง ซึ่งการส่งออกและนำเข้าจะขยายตัว 1.6% ส่วนการส่งออกสินค้าของจีนโดยเฉพาะ จะเพิ่มขึ้นระหว่าง 4-9% ในทุกภูมิภาค ยกเว้นอเมริกาเหนือ

ขณะที่การส่งออกของยุโรป มีแนวโน้มที่จะเติบโต 1% ขณะที่การนำเข้าจะอยู่ที่ 1.9%

ดับเบิลยูทีโอระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ทั่วโลกจะเติบโต 2.2% ในปีนี้ และ 2.4% ในปี 2569

แม้การค้าระหว่างสหรัฐและจีน คิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 3% ของการค้าทั่วโลก แต่หากเศรษฐกิจทั้งสองขั้วแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด อาจนำไปสู่การแบ่งแยกเศรษฐกิจโลกออกเป็น 2 กลุ่ม ตามแนวทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจทำให้จีดีพีทั่วโลกลดลงเกือบ 7% ภายในปี 2583.

เครดิตภาพ : AFP