จากกรณีปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อระหว่างชาวบ้านกลุ่มไทดำ บ้านทับชัน กับหน่วยงานราชการในประเด็นการแย่งสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินสาธารณะประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน หรือที่ดิน นสล. ทุ่งปากขอ สาธารณะประโยชน์ หมู่ 1 บ้านควนท่าแร่ ตำบลทรัพย์ทวี อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล่าสุด องค์การบริหารส่วนตำบลทรัพย์ทวี ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลที่ดินสาธารณะประโยชน์ ได้ร้องขอให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) เข้าดำเนินการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อพิพาทดังกล่าว ภายหลังจากที่กลุ่มชาวไทดำได้รวมตัวกันประท้วงคำสั่งของนายอำเภอบ้านนาเดิม ที่สั่งให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่สาธารณะ รื้อถอนผลอาสินและสิ่งปลูกสร้าง ภายหลังศาลปกครองมีคำพิพากษายกฟ้องให้รัฐชดเชยผลอาสินจากโครงการก่อสร้างแก้มลิง ทุ่งปากขอ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. นายนายจันทรัตน์ รู้พันธ์ ผู้ประสานเครือข่ายชุมชนไทดำ (บ้านทับชัน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกมาเปิดเผยถึงประเด็นการเรียกร้องที่ดินทำกินของชาวบ้าน โดยยืนยันว่าชาวไทดำไม่ได้บุกรุกที่หลวง แต่ได้เข้ามาอาศัยและทำกินอยู่บริเวณริมแม่น้ำตาปีทั้งสองฝั่ง ในพื้นที่ตำบลท่าข้าม ตำบลท่าสะท้อน ตำบลกรูด อำเภอพุนพิน และตำบลทรัพย์ทวี อำเภอบ้านนาเดิม มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ด้วยการประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ปลูกผัก และหาปลา ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ได้เริ่มมีการปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งที่ผ่านมา ชาวไทดำในพื้นที่ 3 ตำบลดังกล่าวได้รับการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกินเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่พี่น้องชาวไทดำที่อาศัยอยู่ที่บ้านทับชัน ตำบลทรัพย์ทวี อำเภอบ้านนาเดิม กลับเริ่มประสบปัญหา โดยในปี พ.ศ. 2546 ได้มีชาวบ้านถูกจับกุมขณะนำรถไถเข้าไปปรับพื้นที่ และถูกทางราชการแจ้งว่าเป็นที่ดิน นสล. ทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหา เนื่องจากชาวไทดำได้เข้ามาอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ โดยเริ่มแรกในปี พ.ศ. 2502 ทางราชการได้ออกทะเบียนบ้านให้กับชาวไทดำที่อาศัยอยู่ที่บ้านทับชันจำนวน 16 ครอบครัว ซึ่งปัจจุบันได้ขยายเป็น 77 ครอบครัว และได้เข้าทำกินในบริเวณพื้นที่ทุ่งปากขอ

“ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา พวกเราชาวไทดำบ้านทับชัน ได้พยายามเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการแก้ไข และเมื่อปี 2551 รัฐบาลได้มีนโยบายให้ชาวบ้านอยู่ในที่รัฐได้อย่างมั่นคงด้วยการออกโฉนดชุมชน พวกเราจึงได้เข้าร่วมโครงการ โดยระหว่างที่มีการยื่นขอออกโฉนดชุมชนนั้น ก็พบว่าที่ดิน นสล. แปลงทุ่งปากขอ เป็นการออกโฉนดที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิม และต่อมาได้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการแก้ไขปัญหาที่สาธารณะประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งผลจากการทำงานของคณะทำงานดังกล่าวระบุว่า การออกโฉนดที่ดิน นสล. ที่ 30977 เป็นการออกโฉนดที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิมที่ได้ขึ้นทะเบียนหวงห้ามไว้เมื่อปี พ.ศ. 2475 ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นว่าควรมีการเพิกถอนและทำการรังวัดที่ดินใหม่ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ภาครัฐกลับใช้อำนาจในการดูแลที่ดินสาธารณะ ออกมาขับไล่ให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ ทั้งๆ ที่การออกโฉนดผิดพลาดคลาดเคลื่อนยังไม่ได้มีการแก้ไข และยังไม่มีการเพิกถอนส่วนที่ทับซ้อนกับที่ทำกินของชาวบ้านจำนวน 1,318 ไร่” นายนายจันทรัตน์ กล่าวด้วยความอัดอั้น

นายจันทรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ผ่านมา ทางอำเภอบ้านนาเดิม ได้นำหนังสือมาปิดประกาศ ข้อความห้ามมิให้บุคคลบุกรุกเข้าไปในพื้นที่สาธารณะประโยชน์ แปลงที่มีข้อพิพาท ซึ่งตนมองว่าการกระทำของฝ่ายปกครองเป็นการละเมิดข้อตกลงของการแก้ไขปัญหา ที่กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการมายังจังหวัดสุราษฎร์ธานีและผู้เกี่ยวข้องให้ดำเนินการรังวัดแนวเขตที่ดิน นสล. แปลงที่ 30977 ซึ่งชาวบ้านได้เรียกร้องว่าการออกเอกสาร นสล. ฉบับดังกล่าวเป็นการออกโฉนดทับที่ทำกินของชาวบ้านและให้มีการรังวัดแนวเขตใหม่ แต่ทางอำเภอกลับเลือกที่จะขับไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ ตนมองว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบของหน่วยงานราชการ และไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา โดยในวันที่ 21 เมษายนนี้ ชาวไทดำจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเรียกร้องให้มีการชะลอคำสั่งรื้อถอนผลอาสินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ออกประกาศโดยนายอำเภอบ้านนาเดิม จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จ และขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีดำเนินการเพิกถอน ที่ดิน นสล. แปลงที่ 30977 ที่ออกโฉนดคลาดเคลื่อนไปจำนวน 1,318 ไร่ และเมื่อกระบวนการเพิกถอนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ให้กำหนดเป็นพื้นที่เดินสำรวจออกโฉนดให้กับชาวไทดำ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ดั้งเดิม

“ประเด็นข้อเรียกร้องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นผลมาจากมติของคณะอนุกรรมการฯ ที่ผ่านความเห็นชอบและสั่งการ จากนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 แต่ถึงขนาดนี้เวลาล่วงเลยกว่าสองปีแล้ว แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ มีแต่การใช้อำนาจรัฐในการไล่รังแกชาวบ้าน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดั้งเดิม การเรียกร้องของพวกเราทำเพื่อให้เป็นไปตามสิทธิ์ ในการรักษาที่ดิน ยืนยันว่าพวกเราไม่ได้บุกรุกที่หลวง” ผู้ประสานเครือข่ายชุมชนไทดำ (บ้านทับชัน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น