สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่านายหลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงการที่สหรัฐประกาศแผนเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือ “แบบใหม่” ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ช่วงกลางเดือน ต.ค. นี้ ว่า “เป็นอันตรายต่อทุกภาคส่วน” เนื่องจากจะทำให้ค่าใช้จ่ายของอุตสาหกรรมชิปปิงต้องเพิ่มขึ้น และสร้างความปั่นป่วนให้กับห่วงโซ่อุปทานโลก ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการนี้ไม่มีทางที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมการต่อเรือของสหรัฐได้


ทั้งนี้ นายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ประกาศแนวทางดังกล่าว โดยอ้างอิงจากผลการสอบสวนของรัฐบาลชุดที่แล้ว ว่าการขนส่งสินค้าทางเรือของจีนและทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง “สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของสหรัฐมาตลอด” จึงถึงเวลาที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องใช้มาตรการปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ และกลไกการค้าระหว่างประเทศ


ภายใต้กฎระเบียบใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในอีก 180 วัน หรือกลางเดือน ต.ค. ปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็นระยะภายในช่วง 2-3 ปีถัดไป สหรัฐจะเก็บค่าธรรมเนียมแบบเที่ยวเดียว จากเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน ไม่ใช่การเรียกเก็บจากทุกท่าเรือซึ่งเรือจอดเทียบท่า ถือเป็นการผ่อนท่าทีลงเล็กน้อย จากที่เคยประกาศ เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา


การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะอยู่ที่ไม่เกิน 5 ครั้งต่อปี และสามารถยกเว้นได้ หากบริษัทผู้ประกอบการเดินเรือบรรทุกสินค้าลำนั้น หรือเจ้าของเรือบรรทุกสินค้าลำนั้น สั่งซื้อเรือที่มีการประกอบในสหรัฐ


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศุลกากรของสหรัฐจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือบรรทุกรถยนต์ทุกลำที่ไม่ได้สร้างในสหรัฐ โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในอีก 180 วันเช่นกัน


นอกจากนี้ สหรัฐมีแผนการเก็บค่าธรรมเนียมใหม่ กับเรือขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะมีช่วงเวลาผ่อนผัน 3 ปี โดยไม่รวมการขนส่งในภูมิภาคเกรตเลกส์และแคริบเบียน การขนส่งเข้าและออกดินแดนของสหรัฐ และการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วไป ด้วยเรือที่เดินทางแบบเปล่ามายังสหรัฐ หมายถึงไม่มีสินค้าขาเข้า.

เครดิตภาพ : AFP