มร. Matthew G. Badalucco ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Trinket แพลตฟอร์มที่รวมสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับผู้ซื้อแต่ละคนสำหรับศิลปินที่มีฐานแฟนคลับ เปิดเผยว่า ได้เลือกประเทศไทย เป็นที่แรกในการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Trinket ที่จะเป็นเครื่องมือให้ศิลปินที่มีฐานแฟนคลับ สามารถสร้างรายได้ ภายใต้แนวคิดที่ไม่ใช่แค่การขาย “Merch หรือ Merchandise” ในแบบเดิมๆ อีกต่อไป แต่เป็นการเปลี่ยนสู่การส่งมอบของสะสม Hyper-Personalized Merch แบบเฉพาะบุคคล ที่มีความพิเศษสุด โดยสามารถเปลี่ยนสินค้าทั่วไปของเหล่าศิลปิน ให้กลายเป็นของสะสมที่มีมูลค่าสูง และสามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจน

“สินค้าทุกชิ้น ที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม Trinket จะเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นพิเศษ เพราะมีจำนวนจำกัด และจำกัดเวลาในการจำหน่ายไม่เกิน 2 ชั่วโมง หากสินค้าทั้งหมดในลอตนั้นถูกซื้อหมดหรือหมดเวลาการสั่งซื้อ สินค้าลอตนั้นก็จะหยุดการจำหน่ายลงทันที และที่สำคัญคือ สินค้าทั้งหมดจะไม่มีการผลิตซ้ำ นอกจากความเอ็กซ์คลูซีฟแล้ว Trinket ยังมุ่งเน้นด้าน Hyper-Personalization โดยสินค้าทุกชิ้นจะถูกผลิตขึ้นสำหรับผู้ซื้อแต่ละรายโดยเฉพาะ”

ทั้งนี้ สินค้าแต่ละชิ้นจะประกอบด้วยข้อมูลเฉพาะบุคคลอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นใบรับรองการเป็นเจ้าของแบบดิจิทัล (Digital Ownership Certificate), รหัส QR code ที่เชื่อมโยงไปยังใบรับรองดังกล่าว, หมายเลขประจำสินค้าที่ไม่ซ้ำกัน ไปจนถึงวันที่และเวลาที่ทำการสั่งซื้อแบบเฉพาะเจาะจง เมื่อสแกน QR code บนสินค้า Trinket จะแสดงใบรับรองความเป็นเจ้าของของสินค้าชิ้นนั้นทันที ซึ่งจะพิสูจน์ได้ว่าสินค้านั้นเป็นของแท้ แต่ยังแสดงความเป็นเจ้าของของผู้ซื้อได้อย่างแม่นยำด้วยระบบดิจิทัลอีกด้วย

มร. Matthew กล่าวต่อว่า ประเทศไทย มีความพิเศษ และวัฒธรรมแฟนคลับ และมีพฤติกรรมผู้บริโภคดิจิทัลที่แข็งแกร่งและวัฒนธรรมไอดอลที่เฟื่องฟู เอื้อต่อธุรกิจ โดยคนไทยกว่า 68% ใช้โซเซียลมีเดีย และในจำนวนนี้กว่า 40% ซื้อของผ่านอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ ตลาดสินค้าที่ระลึกของศิลปิน ก็เป็นตลาดใหญ่มีมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาทในปี 67 ที่ผ่านมา และเติบโต 30% ต่อปี

โดย ฟีเจอร์ของ Trinket มีจุดเด่นที่มากกว่าการขายสินค้าที่ระลึก แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่จับต้องได้ระหว่างศิลปินกับแฟนคลับ เช่นการมีฟีเจอร์ที่มีการวิดีโอคอลส่วนตัวกับศิลปิน ไลฟ์ลับเฉพาะกลุ่ม และอีเวนต์เชิญเฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญ สิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์พฤติกรรมของแฟนยุค Gen Z ที่ต้องการสร้างความผูกพันส่วนตัวและการยอมรับในกลุ่มสังคม ตลอดจนการสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและทรงพลังยิ่งขึ้นระหว่างแฟนกับศิลปิน

“การคาดการณ์เบื้องต้นระบุว่า แต่ละลอตของสินค้าจะสามารถสร้างรายได้สูงกว่าการขาย Merch แบบดั้งเดิมถึง 200-900% อีกทั้งยังมีระบบ “Vintage Shop” ที่ศิลปินจะได้รับค่าลิขสิทธิ์ 5% ทุกครั้งที่มีการซื้อขายสินค้าชิ้นนั้นต่อในตลาดมือสอง นอกจากนี้ Trinket ยังมาพร้อมเครื่องมือบริหารแฟนคลับขั้นสูง ศิลปินสามารถกำหนดระดับการเข้าถึงแบบ Tiered Access เพื่อให้รางวัลแก่แฟนคลับระดับ Superfan พร้อมกับสร้างแรงจูงใจให้แฟนคลับทั่วไปยกระดับการมีส่วนร่วม ถือเป็นแนวทางที่ชาญฉลาดและขยายได้ต่อเนื่องในการสร้างความภักดีและคุณค่าในระยะยาว”

มร. Matthew กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันแอปได้พัฒนาเสร็จแล้วทั้งในระบบปฏิบัติการไอโอเอส และแอนดรอยด์ ที่ผ่านมาได้มีการ ซอฟต์ลอนช์ หรือเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ มียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 1 หมื่นดาวน์โหลด และมีสินค้าขายอยู่ประมาณ 14 ประเภท อาทิ รูปภาพ เคสโทรศัพท์ เป็นต้น และเริ่มมีการขายสินค้าของมิสยูนิเวิร์ส เป็นภาพโปสต์การ์ดและสายสะพาย ซึ่งคาดว่าจะทำเงินได้หลักหมื่นบาท แต่พอนำมาขายจริงสามารถทำเงินได้ถึง 5 หมื่นบาท โดยในเดือน มิ.ย. นี้ คาดว่าจะเปิดตัวแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ จะมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 2-5 หมื่นคน และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถขยายตลาดไปยัง อินโดนีเซีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นด้วย