เมื่อเวลา 09.47 น. วันที่ 22 เม.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความคุ้มค่าของการนำงบประมาณเกือบ 900 ล้านบาท ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดทำ ไทยแลนด์ พาวิลเลียน ภายในงาน เวิลด์ เอ็กซ์โป 2025 ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.-13 ต.ค. 2568 ว่า ตนได้ดูข้อเท็จจริงกรณีที่บริษัทร่วมค้า อาร์เอ็มเอ110 ยกเลิกไป พบว่า จริงๆ ไม่เกี่ยวกับขั้นตอนการที่ยกเลิกหรือไม่ยกเลิกของร่วมค้า หากใครได้ศึกษาเกี่ยวกับการจดทะเบียนของผู้ประกอบการต่างๆ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกรมบัญชีกลาง ก็จะรู้ว่าไม่เกี่ยวกัน ซึ่งหากลงหรือไปอีก คอนซอร์เทียม คือ กิจการค้าร่วม ที่ 2 บริษัทจับคู่กันจดทะเบียนและใช้ผลงานทั้ง 2 บริษัทรวมกันเพื่อร่วมประมูลงาน หรือ จอยท์เวนเจอร์ คือกิจการร่วมค้า เป็นการจดทะเบียนร่วมกัน แต่ใช้แค่ผลงานของบริษัทเดียว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนตรวจสอบดูแล้วว่าการที่เขาจดทะเบียนแล้วยกเลิกไปนั้น อาจเป็นเพราะเขาทำการจดทะเบียน 2 ครั้ง จึงยกเลิกไปครั้งหนึ่ง ในขั้นตอนยื่นข้อเสนอตลอดมาเป็นเรื่องของจอยท์เวนเจอร์ เป็นกิจการร่วมค้าธรรมดา ไม่ใช่บริษัทร่วมค้า เมื่อมีการเสนอมาจึงต้องเดินหน้าไป โดยในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย. 2568) ตนจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อไปดูว่ามีส่วนที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ หากมีก็จะปรับแก้ เพราะในสัญญาที่เขาเบิกเงินไปแล้ว 8 งวด ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 2 งวด ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากทำไม่ครบ ไม่ดี ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างที่ต้องไปดูว่าต้องปรับลดอะไร เช่น เงินค่าจ้าง และตนจะเชิญผู้รู้เกี่ยวกับการนำเสนอส่วนต่างๆ ที่ได้รับมานั้น เข้าไปดูว่าไม่เหมาะสมอย่างไร ต้องทำอีกแค่ไหน หาดไม่ครบถ้วนก็อาจจะมีการลดเงิน
เมื่อถามอีกว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างภาคเอกชนที่ได้งานกับไม่ได้งานหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็แล้วแต่ว่าผู้ชนะการประกวดราคาก็ต้องทำให้ดี เรื่องที่มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องยอมรับให้ได้ และเงื่อนไขตนดูแล้วมองว่าทำไมต้องมีการประมูลถึง 3 ครั้ง มันก็มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลญี่ปุ่นที่เขาประชุมแล้วเร่งรัดว่าต้องได้ผู้รับเหมาวันที่ 31 ตุลาคม มีเวลาเหลือไม่ถึง 40 วัน หลังจากวันที่เขายกเลิกการประกวดราคาครั้งที่ 2 เนื่องจากผู้รับจ้างไม่ยอมมาลงนามในสัญญา อาจจะเป็นเพราะระยะเวลาใกล้เข้ามาแล้วขาดการยืนยันเวลา และค่าก่อสร้างมันสูงขึ้น เพราะต้องใช้ผู้รับเหมาญี่ปุ่นทำต่อ แต่อย่างไรก็ตามงานต้องออกมาดี หากไม่ดีตนก็มีแนวทางของตนที่จะต้องทำให้ดีหรือไม่ก็ต้องปรับลดเงิน
เมื่อถามต่อว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่ได้จ่ายนั้นอาจไม่ต้องจ่ายเลยก็ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จ่ายเป็นงวด ซึ่งยังเหลืออีก 2 งวด ยังมีในส่วนของค่ารื้อถอนต่างๆ ก็ต้องดูว่าเราสามารถทำได้แค่ไหน แต่ในสัญญาก็ระบุว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการนำเสนอต่างๆ ตลอดเวลาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจะต้องมีค่าปรับจากบริษัทเอกชนหรือไม่ หากงานไม่เรียบร้อย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องดู เพราะเราจะไม่ปล่อยไว้แน่นอนหากเป็นแบบนี้