นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาวิจัยใหม่ในวารสาร Nature Communications ในเดือนนี้ ผลงานวิจัยดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่กลุ่มประเทศที่ประชากรมีอายุขัยยืนยาวที่สุด และพบว่าประเทศเหล่านี้มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ง นั่นคือ ประชากรส่วนใหญ่บริโภคโปรตีนจากพืชมากกว่าที่อื่น 

กว่าจะสรุปผลออกมาได้เช่นนี้ ทีมงานจาก Charles Perkins Center ได้วิเคราะห์ข้อมูลแหล่งอาหารและข้อมูลประชากรในช่วงเวลา 60 ปี (ตั้งแต่ปีค.ศ. 1961 ถึงปีค.ศ. 2018) จาก 101 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณอาหารที่ผลิตในแต่ละประเทศ รวมถึงระดับค่าเฉลี่ยของปริมาณแคลอรี่ โปรตีน และไขมันที่ประชากรได้รับ 

นอกจากนี้ นักวิจัยยังตั้งเป้าว่าประเทศที่เลือกมานั้นต้องมีความหลากหลายในระดับภูมิภาคมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อสะท้อนถึงระบบอาหารและเมนูอาหารที่หลากหลาย รวมถึงภูมิภาคที่มีการบริโภคโปรตีนจากสัตว์สูงกว่า (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย) และพื้นที่ที่พืชเป็นแหล่งโปรตีนหลัก เช่น ปากีสถาน, อินโดนีเซีย

ที่สำคัญ ทีมงานยังปรับแก้ข้อมูลให้ถูกต้องโดย “คำนึงถึงขนาดประชากรและความระดับมั่งคั่ง” ซึ่งทำให้พบว่า ประเทศที่มีโปรตีนจากพืชให้เลือกกินได้โดยทั่วไปมากกว่า เช่น อินเดีย ประชากรจะมีอายุขัยที่ยาวนานกว่า เมื่อเทียบกับประเทศที่มีโปรตีนจากสัตว์ให้เลือกกินได้ง่ายกว่า เช่น สหรัฐอเมริกา

ระหว่างตรวจสอบข้อมูล พวกเขายังพบข้อมูลย่อยที่น่าสนใจชุดหนึ่ง เคทลิน แอนดรูว์ส ผู้เขียนหลักของงานวิจัยระบุว่า พวกเขาค้นพบว่าข้อมูลบ่งชี้ว่าภูมิภาคที่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบได้รับโปรตีนจากสัตว์มากกว่าจะมีอัตราการเสียชีวิตของทารกต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวเสริมว่า “สำหรับผู้ใหญ่แล้ว เป็นไปในทางกลับกัน โดยโปรตีนจากพืชจะช่วยเพิ่มอายุขัยโดยรวม”

เมื่อเผยแพร่ผลการศึกษาออกมาแล้ว ทีมวิจัยยังตั้งข้อสังเกตว่า มีการศึกษาวิจัยอื่นๆ มากมายที่แสดงให้เห็นว่าโปรตีนจากพืช เช่น โปรตีนที่พบในถั่ว เต้าหู้ และพืชตระกูลถั่ว เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง ซึ่งอาจเป็นคำอธิบายได้ว่าเหตุใดประเทศที่บริโภคพืชเป็นหลัก เช่น เกาะอิคาเรียในประเทศกรีซ, เมืองโลมาลินดาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นที่อยู่ของสำนักคริสตจักรเซเวนธ์เดย์แอดเวนติสต์ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ จึงเป็นที่อยู่ของประชากรที่มีอายุยืนยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

อย่างไรก็ตาม หากยังไม่ต้องการเลิกกินโปรตีนจากสัตว์ ก็สามารถปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเล็กๆ น้อยๆ ได้ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มอายุได้อีกสองสามปี 

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิจัยจาก Mass General Brigham, Harvard T.H. Chan School of Public Health และ Broad Institute ได้เผยแพร่ผลการศึกษาของพวกเขาในวารสาร JAMA Internal Medicine ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนจากการใช้เนยเป็นน้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะกอก อาจช่วยให้เรามีอายุยืนยาวขึ้นได้เช่นกัน โดยผลจากการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการที่บริโภคเนยมากที่สุดมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่บริโภคเนยน้อยที่สุดถึง 15%

“โปรตีนมีส่วนสำคัญในโภชนาการของมนุษย์ แต่เมื่อพฤติกรรมการกินเปลี่ยนไปและประเทศที่พัฒนาแล้วพยายามลดระกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แหล่งอาหารที่เรารับโปรตีนจึงถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้น” ดร. อลิสแตร์ ซีเนียร์ จากกลุ่มวิจัยของ Charles Perkins Center อธิบาย “ความรู้ที่ว่าโปรตีนจากพืชเกี่ยวข้องกับการมีอายุยืนยาวขึ้นนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเราไม่เพียงต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาหารของเรามีต่ออายุขัยของเราเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึง ‘สุขภาพของโลก’ ด้วย”

ที่มา : foodandwine.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES