เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นางสาวพิชญ์สินี แซ่เจี่ย อายุ 27 ปี เจ้าของรถจักรยานยนต์ PCX ผู้เสียหาย ซึ่งได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดขณะถูกคนร้ายเป็นชาย 2 ราย สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ขี่ จยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุขโมยรถ จยย. ยี่ห้อ PCX160 สีขาว-ดำ ทะเบียน 5ขอ 8183 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่หน้าห้องเช่าแห่งหนึ่ง ใน ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แล้วขี่หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 23.00 น. นางสาวพิชญ์สินี ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางบัวทอง แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ

นางสาวพิชญ์สินี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ตนกลับมาจากข้างนอกและจอดรถไว้ ต่อมาในวันที่ 20 มีนาคม เวลาประมาณ 02.27 น. รถ จยย. ได้หายไป ซึ่งตนเองและแฟนหนุ่มมารู้ตัวในตอนเช้า ขณะที่แฟนกำลังจะออกไปทำงาน เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่ารถถูกคนร้ายขโมยไปแล้ว จึงรีบเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง ซึ่งตำรวจแจ้งว่าจะเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่จนกระทั่งวันนี้ ผ่านมา 1 เดือนเต็ม ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีแต่อย่างใด

ผู้เสียหายยังเปิดเผยด้วยว่า ตนเองทราบมาว่า มีผู้เสียหายรายอื่นอีกประมาณ 5-6 ราย ที่ถูกคนร้าย 2 รายนี้ ก่อเหตุขโมยรถ จยย. ในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจ โดยพฤติกรรมของคนร้ายหลังก่อเหตุ มักจะขี่รถ จยย. คันที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมกับรถ จยย. ของผู้เสียหาย หลบหนีเข้าไปในพื้นที่เลียบคลองมหาสวัสดิ์ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เกือบทุกครั้ง

นางสาวพิชญ์สินี กล่าวด้วยความน้อยใจว่า ตนเองเป็นคนตามไล่ดูกล้องวงจรปิดด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย และได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่ สภ.ไทรน้อย ว่าทาง สภ.บางบัวทอง ได้ประสานขอดูกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีตำรวจจาก สภ.บางบัวทอง เข้ามาติดต่อเลย กล้องวงจรปิดที่ตนเองได้มานั้น ก็เป็นตนเองที่ตามหามาได้ทั้งสิ้น

รถ จยย. คันที่ถูกขโมยไปนั้น มีความหมายกับตนมาก เนื่องจากเป็นรถที่แฟนหนุ่มต้องใช้ขี่ไปทำงานหาเงินเลี้ยงดูบุตรเล็กๆ ตนเองไม่ได้ทำงาน ทำให้แฟนต้องทำงานเพียงคนเดียว ไหนจะมีค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่านมบุตร ทำให้ตอนนี้ครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องหยิบยืมเงินจากผู้อื่นมาประทังชีวิตไปก่อน เนื่องจากแฟนต้องนำเงินไปจ่ายค่าห้อง และค่าน้ำมันรถ เพื่อไปทำงานและซื้อนมให้ลูก

“ตอนนี้เดือดร้อนมาก เหมือนถูกตัดแขนตัดขา ไปไหนก็ไม่ได้” นางสาวพิชญ์สินี กล่าวด้วยความอัดอั้น พร้อมเปิดเผยว่า รถ จยย. คันดังกล่าว ตนเองและแฟนได้ผ่อนมาจนเหลือเพียง 9 งวดสุดท้ายเท่านั้น คิดเป็นราคารวมประมาณ 170,000 บาท ตนเองอยากฝากถึงคนร้ายที่ก่อเหตุ หากมามอบตัวและนำรถมาคืน จะไม่ติดใจเอาความ แต่หากถูกจับได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอร้องว่าอย่าไปขโมยรถของใครอีก เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นอย่างมาก

นางสาวพิชญ์สินี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองเสียใจมาก เพราะรถคันนี้เป็นรถคันแรกที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน ตั้งใจไว้ว่าหากผ่อนรถหมด จะเก็บเงินซื้อบ้านด้วยกัน แต่เมื่อรถหายไป ความหวังทุกอย่างก็เหมือนจะพังทลายลง ตนเองอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามคดีให้โดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ตนเองและผู้เสียหายรายอื่นๆ เดือดร้อนอย่างมาก อยากได้รถคืน หากไม่ได้รถคืน ก็อยากให้ตำรวจตามจับคนร้ายให้ได้ เพราะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ตนเองอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างจริงจัง เพราะตนเองไปตามเรื่องที่โรงพัก ยังเห็นตำรวจนั่งจิบกาแฟอยู่เลย และเมื่อตนเองไปห้องสืบสวน ก็ต้องนั่งรอเป็นครึ่งชั่วโมง กว่าตำรวจจะออกมาจากวงกาแฟ