ทักทายแฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ที่น่ารักของ “นูน่าเมี้ยน” ทุกคน วนกลับมาพบกันอีกเช่นเคยในคอลัมน์บันเทิงสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง “SeoulStation” พื้นที่ที่รวบรวมเรื่องราวข่าวสารของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์มาอัปเดตแบบจัดเต็มพิเศษเพื่อเหล่าสาวกความบันเทิงแดนกิมจิกันเช่นเคย โดยสัปดาห์นี้นูน่าจะพาผู้อ่านทุกท่านไปพบกับศิลปินระดับโลก “แจ็คสัน หวัง” (JACKSON WANG) ที่กลับมาอย่างยิ่งใหญ่และอัดแน่นไปด้วยคุณภาพกับอัลบั้ม “Magic Man 2” พร้อมกับปล่อยซิงเกิลสุดร้อนแรง “GBAD” (Gotta Be A Dick) ในวันเกิดของตัวเอง (28 มีนาคม 2025) ให้แฟนคลับทั่วโลกได้ฟัง โดยเพลงนี้สะท้อนถึงการเลิกพยายามเอาใจคนอื่นของแจ็คสันและสะท้อนถึงราคากับคุณค่าอันไม่ควรจ่ายของการเติบโตของบุคคล

โดย GBAD เป็นเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟ-อาร์แอนด์บีที่ไม่มีใครเหมือน เป็นการผสมผสานเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของแจ็คสันกับการผลิตที่ผ่อนคลายและมีกลิ่นอายแจ๊ซจากโปรดิวเซอร์ผู้ได้รับรางวัลแกรมมี่ อย่าง “เดม จอยน์ทส์” และกำกับมิวสิควิดีโอโดย “ริช ลี” ซึ่งแสดงภาพของตัวละคร Magic Man ของแจ็คสันในเมืองที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่เขาถูกเรียกใช้ให้ช่วยเหลืออยู่บ่อยครั้ง มิวสิควิดีโอที่เต็มไปด้วยอารมณ์และการเสียดสีแสดงถึงวิกฤติความหมายของตัวตนของ Magic Man ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับและมองข้าม ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ส่วนตัวของแจ็คสันเอง

งานนี้เพื่อเป็นความพิเศษสำหรับแฟนๆ SeoulStation โดยเฉพาะ! “นูน่าเมี้ยน” ก็ไม่พลาดที่จะคว้าตัวแจ็คสันมาพูดคุยสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟถึงการทำงานในอัลบั้ม “Magic Man 2” รวมถึงแรงบัลดาลใจในการทำผลงานเพลงที่ทำให้อยากจะถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ผ่านเพลง แรงขับเคลื่อนในการทำงานจนประสบความสำเร็จ รวมถึงการเทสระบบความเป็น “เขยไทย” ด้วยภาษาไทยที่ได้เตรียมมาอย่างดี และมีข้อความสุดซึ้งที่แจ็คสันอยากที่จะฝากบอกแฟนๆ ทุกคนด้วย!
ทักทายแฟนๆ ชาวไทยสักหน่อย?
แจ็คสัน : “สวัสดีแฟนๆ ชาวไทยนะครับ (ยกมือไหว้) พี่แจ็คนะครับ ผมแจ็คสัน หวัง ครับ”
เล่าถึงการทำงานในอัลบั้มล่าสุด “Magic Man 2” ให้ฟังหน่อย?
แจ็คสัน : “ก่อนอื่นเลย หลายคนอาจจะไม่รู้นะครับว่า Magic Man คืออะไร ทุกคนไม่เข้าใจว่าเมคอัพใน Magic Man คือยังไง ถ้าต้องใช้ 2 ประโยคในการอธิบาย Magic Man คือความเป็นภายในของ ‘แจ็คสัน หวัง’ เป็นคาแรกเตอร์ที่จะพรีเซนต์ความเป็นภายในของแจ็คสัน หวัง ออกมา และทำไมเมคอัพดูดำๆ ผมเดบิวต์ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วก็ได้ผ่านประสบการณ์มามากมายเป็นเวลากว่า 10 ปี และผมอยู่ในจุดที่ดำดิ่งที่สุดของชีวิต ช่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความดำมืด และด้วยความที่ผมเป็นนักดนตรี เป็นคนทำเพลง ผมเลยอยากให้เพลงเล่าเรื่องราวเล่านี้ให้ทุกคนได้รับรู้”
อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากจะถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ผ่านเพลง?
แจ็คสัน : “จริงๆ ไม่ได้มีแรงบันดาลใจอะไรเป็นพิเศษ ผมหยุดทำงานไปเลย 1 ปี เพื่อพักผ่อนแล้วก็ใช้สิ่งเหล่านี้ใน 1 ปีมาเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ช่วงเวลา 10 ปี ในการเป็นไอดอล ทำงานแบบวันชนวันมาโดยตลอด ทำให้ผมไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิดเลยว่าจะมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มต่างๆ หรือเพลงต่างๆ พอในช่วงเวลาว่าง 1 ปี ผมได้มานั่งคิดว่ายังไม่เคยทำเพลงเพื่อตัวเองเลย ผมก็เลยใช้ช่วงนี้ในการมาเล่าเรื่องราวผ่านเพลงของตัวเอง ผมเลยใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นมานั่งเขียนไดอารี่ พูดถึงความจริงและเรื่องราวต่างๆ ที่ผมเจอและเอาไดอารี่เล่านี้มาเรียบเรียงผ่านบทเพลง ซึ่งมันไม่ใช่แรงบันดาลใจ แต่มันเป็นเรื่องที่ผมได้เจอนำมาร้อยเรียงเป็นเพลง”
เพลง “GBAD” ได้กระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ทั่วโลก รวมถึงศิลปิน อินฟูลฯ และแฟนเพลง ได้ทำชาเลนจ์เพลงลงโซเชียลด้วย คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?

แจ็คสัน : “ผมอยากขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผลงานของผม และก็ยังได้ใช้แพลตฟอร์มของตัวเองเป็นตัวช่วยในการสนับสนุนผลงานของผม และอยากให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวของผมผ่านข้อความที่ผมสื่อผ่านเพลงด้วยครับ”
ถ้าจะใช้ประโยคจากเพลง “GBAD” มาเขียนบนเสื้อยืด คุณจะเลือกประโยคไหน? ทำไมถึงเลือกคำนั้น?
แจ็คสัน : “ด้านหน้าเขียนว่า “Life is great.” (ชีวิตเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนด้านหลังก็เป็นคำว่า “Just gotta be a dick sometimes.” (แต่บางครั้งก็ต้องเป็นคนนิสัยไม่ดีบ้าง) เพราะว่าจริงๆ แล้วชีวิตมันดีนะ โลกนี้มันสวยงาม โลกนี้มันช่างมหัศจรรย์ แต่ว่าในบางครั้งการที่พอเราดีเกินไปก็ทำให้หลายๆ คนรู้สึกอยากจะล้ำเส้นเรามากเกินไป ก็ฉะนั้นบางครั้งเราก็ต้องเป็นปีศาจร้ายบ้าง เพื่อที่จะปกป้องตัวเราเองจากโลกใบนี้ครับ”
ทำไมคุณถึงมาเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองจากนักกีฬาฟันดาบมาเป็นนักร้อง?
แจ็คสัน : “คือที่ผ่านมาเหมือนไม่ได้เลือกเองและไม่ได้รักกิจกรรมนี้สักเท่าไหร่ แต่ว่าทำไปเรื่อยๆ มันก็รักขึ้นแหละ แต่ก็รู้สึกเหมือนเป็นการแสดง ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ คือจริงๆ มันเหมือนเป็นชะตาลิขิตเหมือนกัน คือตอนที่เราอยู่โรงเรียนก็จะไม่ค่อยไปโรงเรียนสักเท่าไหร่ เพราะว่าต้องไปแข่งก็เลยคิดว่าไม่ใช่ และสมมุติว่าสอบเสร็จ คือปกติคนอื่นๆ เขาก็จะกลับบ้าน แต่ว่าผมคือเล่นบาสต่อ แล้วตอนที่เล่นบาสอยู่มีแมวมองคนเกาหลีมาที่โรงเรียน คือที่ตอนแมวมองมาโรงเรียน คือ 80% เขากลับบ้านกันหมดแล้ว ในสนามบาสก็เลยมีผมกับเพื่อนอีกสองคน คือคนหน้าตาดีไปหมดแล้ว จนถึงวันนี้ผมก็รู้สึกขอบคุณทั้งแมวมองและขอบคุณเพื่อนทั้งสองคนที่อยู่ในสนามบาสกับผม ผมก็ยอมรับว่าผมหน้าตาดีกว่าอีกสองคนนิดนึง”

คุณประสบความสำเร็จในทำงานหลากหลายด้าน อะไรคือแรงขับเคลื่อนในการทำงานของคุณ?
แจ็คสัน : “สำหรับตัวผมแล้วมันไม่จำเป็นที่จะรู้สึกว่าจะต้องลุกมาทำงานในแต่ละวันเลย เพราะการทำงานในแต่ละวันเป็นสิ่งที่ผมรักอยู่แล้ว ฉะนั้นการทำงานในสิ่งที่ผมรักไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นมิชชั่นอะไรที่ต้องทำในแต่ละวัน แต่มันเป็นการความสนุกในสิ่งที่ทำมากกว่าครับ”
รีวิว “แจ็คสัน หวัง” ในวัย 31 ปี ให้ฟังหน่อย?
แจ็คสัน : “OMG! แจ็คสัน ในวัย 31 เป็นแจ็คสันที่รู้สึกว่ามีความมั่นใจว่าอะไรคือสิ่งที่ใช่ในชีวิต รู้สึกว่าผมต้องเดินไปทางไหนมากกว่า เพราะว่าแจ็คสันในวัยที่อายุ 20 กว่าๆ เป็นแจ็คสันที่พร้อมจะพุ่งชนกับทุกอย่าง ทำทุกสิ่งทุกอย่างไปเรื่อยๆ ทำแบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่เราไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าควรจะไปทางไหนหรือควรทำอะไรดี แต่พอในวัยอายุ 30 ขึ้นมาแล้ว ผมเริ่มรู้สึกว่าอะไรคือสิ่งที่ควรจะตัดทิ้ง อะไรคือสิ่งที่ควรจะไปต่อ อะไรคือสิ่งที่ควรจะเดินไป แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้หลังจากอายุ 30 ก็คือรู้สึกว่าการฟื้นฟูของตัวเองมันน้อยลง ปกติผมจะสามารถร้องเพลงและเต้นได้อย่างไม่เหนื่อย แต่พออายุเกิน 30 แล้ว เต้น ร้องเพลงนิดหน่อยก็จะรู้สึกเหนื่อยแล้ว ทำให้แตกต่างจากตอนที่เป็นหนุ่มๆ ครับ”
แต่ก็ยังหล่อเหมือนเดิม?
แจ็คสัน : “นั่นเป็นเพราะผมทำทรีตเมนต์ ยกกระชับหน้าด้วย ผมทำมาเยอะ ไม่ง่ายนะ (หัวเราะ) จริงๆ (พูดภาษาไทย) แต่มันก็แตกต่างจากตอนอายุ 20 นะ เมื่อก่อนผมสามารถที่จะดื่ม แล้วนอน 2 ชั่วโมงก็ลุกขึ้นไปทำงานต่อได้เลย แต่ตอนนี้ไม่ได้ครับ”
คุณได้ฉายาว่าเป็น “เขยไทย” รู้ความหมายของคำนี้ใช่ไหม?
แจ็คสัน : “ใช่ครับ ผมได้ยินคำนี้มาจากรายการโหนกระแส แต่ผมว่ามันไม่จริง มันเป็นมุข (หัวเราะ) ผมเข้าใจความหมาย แต่ผมอยากรู้ใครเป็นคนคิดมุขนี้ (ยิ้ม)”

สเปคของแจ็คสันหวังเป็นแบบไหน?
แจ็คสัน : “อย่างแรกถ้าพูดถึงภายในก่อนก็ต้องเป็นคนที่มีแพชชั่นสำหรับการทำอะไรบางอย่าง และเต็มที่กับมันเพราะว่าผมเป็นคนแบบนั้น และสามารถไปกับเราได้ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นภายนอกผมโอเคหมดเลย แต่ว่าถ้าเกิดถามว่าต้องเป็นประมาณไหนก็น่าจะเป็นแนวน่ารัก ดูแล้วรู้สึกว่าเขามีความสดใสมีเอ็นเนอร์จี้บวก ไม่ได้ดูหลบซ่อนตัวหรือเป็นคนไม่พูดไม่จา”
มาเมืองไทยครั้งนี้ได้เรียนภาษาไทยเพิ่มไหม?
แจ็คสัน : “ผมไปเรียนภาษาไทยมา แต่เป็นคำที่ไม่สามารถพูดหน้ากล้องได้ เพราะเป็นคำที่เอาไว้ใช้พูดในเวลาที่รู้สึกโกรธ เลยพูดตอนนี้ไม่ได้”
วันนี้มีคำภาษาไทยมาให้คุณได้ลองฝึกพูดด้วย?
แจ็คสัน : “ทำเป็นเล่นนะครับ” และ “คิ้วส่งหน้า หน้าส่งชุด ชุดส่งคน คนส่งยิ้ม”

ฝากผลงานกับแฟนๆ ชาวไทยหน่อย?
แจ็คสัน : “ผมไม่ได้อยากที่จะโปรโมตอัลบั้มใหม่ตอนนี้ แต่ผมมีข้อความที่อยากจะฝากถึงแฟนๆ ว่า จริงๆ แล้วโลกใบนี้มันโกลาหลวุ่นวายมาก ชีวิตเราก็ต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย แต่บางครั้งมันอาจจะทำให้เราลืมไปว่าเราต้องรักตัวเองด้วย ฉะนั้นบางครั้งที่เรายอมเป็นคนไม่ดีหรือเห็นแก่ตัวบ้างในบางครั้ง มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพราะผมอยากให้ทุกคนรักตัวเองมากขึ้น ผมในฐานะที่เป็นคนมอบความสุขให้กับทุกๆ คน ผมก็อยากทำหน้าที่ตรงนี้ ทำหน้าที่มอบความสุข และรอยยิ้มให้กับทุกคน เวลาที่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จกลับมาแล้วมองมาที่ผม จะได้รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น และทุกคนอย่าลืมที่จะรักตัวเองมากๆ ด้วยนะครับ”

เรียกได้ว่า “แจ็คสัน หวัง” เป็นอีกหนึ่งศิลปินระดับโลกที่แฟนๆ ชาวไทยชื่นชอบ และให้การต้อนรับอย่างดีเสมอมา จนถูกยกให้เป็น “เขยไทย” อย่างสมศักดิ์ศรี นอกจากนี้กระแสความนิยมของแจ็คสันยังคงครองใจแฟนๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ผลงานเพลงของเขาที่ถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องราวประสบการชีวิตจริงของเขาเองก็ได้เป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ พิสูจน์ได้จากผู้ติดตามในหลายแพลตฟอร์มบนโซเชียลมีเดียที่รวมกันกว่า 100 ล้านคน อีกทั้งยังยึดตำแหน่งบุคคลที่มีผู้ติดตามอินสตาแกรมมากที่สุดในจีนอีกด้วย นอกจากความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ทำลายสถิติแล้ว เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Creative Director ของ Nike และ Jordan และยังดำรงตำแหน่งทูตระดับโลกของ Louis Vuitton, Cartier และ Hennessy ซึ่งยิ่งทำให้เขากลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวงการดนตรี แฟชั่น และวัฒนธรรมเยาวชนระดับโลก นี่เป็นการตอกย้ำว่าเขาคือ “ศิลปินคุณภาพ” อย่างแท้จริง!.
คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”