เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวง ค์อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) พร้อมตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ สนธิกำลังปิดล้อมตรวจค้นคลินิก 3 แห่ง ย่านศรีนครินทร์ชิดลม และเมืองทองธานี ทลายเครือข่ายแพทย์จากประเทศเกาหลี ซึ่งแอบลักลอบเข้ามาให้บริการนวดจัดกระดูก

ดร.สาธิต กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่ามีเครือข่ายคลินิกนำหมอจากประเทศเกาหลีมาเปิดคอร์สนวดจัดกระดูก โดยมีการเก็บค่าคอร์สรักษาตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักแสนบาท จนเป็นที่หวาดหวั่นของผู้รับบริการว่า หมอเหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งการนวดจัดกระดูก โดยบุคคลที่มิใช่หมอ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ร่างกายแล้วยังทำให้ประชาชนต้องสูญเสียทรัพย์สิน และเป็นอันตรายถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้ จึงสนธิกำลังร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. บุกจับหมอเกาหลี ทั้ง 3 ราย

โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าหมอเกาหลีทั้ง 3 ราย ที่ให้บริการคอร์สไคโรแพรกติก (Chiropractic) หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่าการนวดจัดกระดูก ไม่มีการขึ้นทะเบียนและได้รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือใบประกอบโรคศิลปะของไทยแต่อย่างใด ซึ่งขอขี้แจงว่า แม้หมอเกาหลีเหล่านี้จะมีใบประกอบวิชาชีพจากประเทศเกาหลีก็ตาม แต่การที่หมอจากต่างประเทศจะมาให้บริการนวดจัดกระดูกในประเทศไทยได้นั้นจะต้องสอบและได้รับใบประกอบโรคศิลปะของไทยเสียก่อน มิฉะนั้นก็จะถือว่าเป็นหมอเถื่อนทันที พนักงานเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเบื้องต้นกับหมอเกาหลีทั้ง 3 ราย ในความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ฐานประกอบโรคศิลปะศาสตร์ไคโรแพรกติกโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่ามีการกระทำที่ก้าวล่วงไปวิชาชีพเวชกรรม จะถือว่าหมอเกาหลีเหล่านี้มีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาต (หมอเถื่อน) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย และในส่วนของผู้ดำเนินการสถานพยาบาล พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งข้อหาการะกระทำผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในฐานปล่อยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้ประกอบโรคศิลปะทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรม สบส.กล่าวต่อว่า ก่อนตัดสินใจรับบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพประเภทใดก็ตาม ขอเน้นย้ำให้ประชาชนตั้งสติ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน อย่าตัดสินใจรับบริการเพียงเพราะผู้ให้บริการเป็นแพทย์หรือผู้ประกอบโรคศิลปะจากต่างประเทศที่ดูน่าเชื่อถือ เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของหมอเถื่อน ที่มีกระบวนการรักษาหรือเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐาน อีกทั้ง เมื่อเกิดความเสียหายจากการรักษาพยาบาล หรือเสริมความงามโดยหมอเถื่อนที่มาจากต่างประเทศ หากมีการหลบหนีกลับไปที่ประเทศต้นทางแล้วก็เป็นการยากที่เจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี หรือเรียกค่าเสียหายให้กับประชาชน ทั้งนี้ หากพบแพทย์ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะจากต่างประเทศให้บริการรักษาพยาบาล เสริมความงาม หรือให้คำปรึกษาในคลินิก ให้หลีกเลี่ยงการรับบริการ หากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ให้แจ้งมาที่สายด่วน 1426 กรม สบส.ในวันและเวลาราชการ แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.