จากกรณีที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สระแก้ว มีคำสั่งปิดคลินิกเอกชนในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ภายหลังตกเป็นข่าวว่ามีการฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันให้กับคนไทยหลายราย ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ โดยผลการสอบสวนเบื้องต้นระบุว่า คลินิกมีการฉีดวัคซีนจริง และคลินิกไม่จัดให้มีหลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและผู้ป่วยและเอกสารอื่นๆ หรือไม่มีการลงเวชระเบียนที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 จึงออกคำสั่งให้ผู้ประกอบการสถานพยาบาลคลินิกดังกล่าวระงับการให้บริการเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 7 วัน หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามมาตรา 48 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.เป็นต้นมานั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีการลักลอบฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีองค์ประกอบ 9 คน ดังนี้ 1.นายไพรรัชต์ วิรินะภัคพงศ์ ประธานคณะกรรมการ 2.นายสรวิศ ชลาลัย คณะกรรมการ 3.นายอดุลย์ หาญชิงชัย คณะกรรมการ 4.นายปราโมทย์ บุญเปล่ง คณะกรรมการ 5.นายนิรุต ฆ้องเกิด คณะกรรมการ 6.พ.ต.ต.เศรษฐพงศ์ หลินภู คณะกรรมการ 7.นายสมบัติ พึ่งเกษม 8.นายสานิษ ศิริปิ่น เลขานุการ และ 9.นายธวัชชัย เสือเมือง ผู้ช่วยเลขานุการ เพื่อลงไปตรวจสอบว่า ข้อเท็จจริงในกรณีมีการนำวัคซีน Johnson and Johnson ที่เป็นข่าวครึกโครมในขณะนี้ เกิดขึ้นจากสาเหตุใด

นายแพทย์ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกร ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ที่สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ เพื่อไว้สำหรับดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีความผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินการสอบสวนกรณีที่มีการลักลอบนำวัคซีนของ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เข้ามาในประเทศไทย และจากการสอบสวนของคณะทำงาน ทางแพทย์ของคลินิก แจ้งว่า ไม่ได้เป็นผู้นำวัคซีนเข้ามา ดังนั้น กรณีเรื่องของจรรยาบรรณแพทย์ จะต้องมีการตรวจสอบและสอบสวนกันต่อไป หากพบว่า มีความผิดอื่น ๆ ก็จะต้องให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้เข้าดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ได้เชิญบุคคลที่มีส่วนทำงานข้ามแดนระหว่างประเทศไปสอบปากคำเพื่อเป็นข้อมูลบ้างแล้ว แต่ในรายละเอียดยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นบุคคลใดที่นำเข้ามา.