ประเทศไทยพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดประมาณ 74 ล้านไร่ พื้นที่ปลูกข้าวคิดเป็น 45.2 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมดของประเทศ  และ70เปอร์เซนต์ของการทำนาพึ่งพาน้ำฝน หลายครั้งที่รัฐบาลข้องเขาไปพยุงราคาข้าว สนับสนุนเงินให้ชาวนาเพื่อลดต้นทุนการผลิต ขณะเดียวการเพิ่มมูลค่าของข้าวเป็นอีกหนทางที่ทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น

เมื่อเร็วๆนี้ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว มอบหมายให้ นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว พร้อมด้วยนายปิยะพันธ์ ศรีคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามภารกิจ และผลสำเร็จในการสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปสินค้าข้าวไทย ประกอบด้วย ศูนย์ข้าวชุมชนข้าวปลอดสารพิษ ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง อำเภอเทิง  และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มสุรากลั่นฐิตินันท์ อ.แม่ลาว ซึ่งผลจากการดำเนินการของกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว และศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย ได้สร้างประโยชน์ต่อเกษตรกร ทั้งด้านการพัฒนากระบวนการผลิตข้าว การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว และยกระดับกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวให้เกิดอาชีพที่มั่นคง และมีรายได้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น

 **กลไกการรับซื้อข้าวยังมีความเหลื่อมล้ำจริงหรือ??

ในปี2568 ประเทศไทยมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 34 ล้านตัน นับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (31-32 ล้านตัน)  เมื่อแปรรูปเป็นข้าวสารจะได้ประมาณ 22 ล้านตัน ทั้งนี้ผลผลิตข้าวเฉลี่ยของไทยอยู่ประมาณ 456 กก.ต่อไร่ซึ่งต่ำกว่าเวียดนามที่อยู่ 976 กก.ต่อไร่ จีนอยู่ที่ 1,146 กก.ต่อไร่

โอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ให้ภาพของการผลิตข้าวในประเทศไทยว่า ข้าวในประเทศไทยถ้าผลผลิตสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีข้าวผลิตออกมาจำนวนมากจะยิ่งทำให้ราคาข้าวต่ำหรือไม่  แต่จริงๆแล้วผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของประเทศไทยถ้าเทียบนิเวศระบบปลูกชลประทานต่อชลประทาน ประเทศไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าต่างประเทศ แต่เมื่อเฉลี่ยทั้งประเทศ ไทยมีพื้นที่นาน้ำฝนมากกว่าพื้นที่ชลประทาน เพราะฉะนั้นเอาผลผลิตเฉลี่ยไปคำณวนเฉลี่ยผลผลิตทั้งประเทศจึงดูต่ำ แต่เมื่อเทียบนิเวศต่อนิเวศ งานวิจัยข้าวไม่ได้ด้อยกว่าต่างประเทศ ประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวมากว่า 10,000 สายพันธุ์ และเป็นพันธุ์รับรองที่พร้อมส่งเสริม 100 กว่าสายพันธุ์ แต่สุดท้ายเวลาไปสีเป็นข้าวสารจะถูกจัดกลุ่มโดยกระทรวงพาณิชย์ แบ่งกลุ่มข้าวเป็น 5 ประเภทได้แก่ข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวหอมจังหวัด และข้าวสีต่างๆ ซึ่งข้าวชนิดนี้เป็นส่วนน้อย

 เมื่อทำงานวิจัยข้าวออกมาเป็น 100 แต่เวลาขายถูกจัดกลุ่ม หรือแม้แต่การจัดโซนนิ่งของข้าวหอมมะลิไทยมีการแบ่งแยกจำกัด ซึ่งข้าวหอมมะลิของกรมการข้าวไปปลูกนอกเขตที่ทางกระทรวงพาณิชย์ประกาศ (พื้นที่ข้าวหอมมะลิไทยมี 23 จังหวัด ปลูกภาคอีสาน 20 และภาคเหนือ 3 จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ) เวลาโรงสีรับซื้อเป็นข้าวหอมมะลิไทย แต่หากนำข้าวหอมมะลิจากกรมการข้าวไปปลูกนอกเขต เมื่อเก็บเกี่ยวมาโรงสีจะตีราคาเป็นข้าวหอมจังหวัด ซึ่งราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิ ด้วยเหตุผลของฝ่ายการตลาดต้องการคุมโซนการผลิต ทั้งนี้เมื่อสีเป็นข้าวสารแยกไม่ออกเพราะดีเอ็นเอเวลาไปปลูกไม่ว่าจะปลูกนอกเขตก็เป็นข้าวหอมมะลิอยู่ดี อันนี้ถือว่าเป็นความเหลื่อมล้ำ 

การลดต้นทุนหน่วยงานกรมการข้าวทำลำพังไม่ได้ ต้องยอมรับปัจจัยการผลิตเราไม่สามารถทำเองได้ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาสารเคมีต่างๆ แม้แต่ต้นทุนน้ำกับดิน กว่าจะเป็นข้าวได้ต้องประกอบไปองคคาพยพเรื่องของดินและน้ำ ปุ๋ย เรื่องหลังการเก็บเกี่ยวประกอบกัน”ผอ.กองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กล่าว

**“บ้านทุ่งต้อม” ทำนาที่ได้มากกว่าข้าว

             กรมการข้าว โดยกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ได้ดำเนินนโยบายเพื่อเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปสินค้าข้าวไทย ภายใต้แผนงานสำคัญ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยมีเป้าหมายพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว เพื่อเพิ่มความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของตลาด พร้อมกันนี้มีการต่อยอดบรรจุภัณฑ์ด้วยการปรับปรุงและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มมูลค่าของสินค้า เพื่อสนับสนุนการผลิตและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์จากข้าว รวมถึงการให้คำแนะนำด้านมาตรฐาน GMP พร้อมสนับสนุนโรงสีให้เกิดการปฏิบัติตามมาตรฐาน GMP เพื่อยกระดับคุณภาพการผลิตและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

            กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง กลุ่มเกษตรกรตัวอย่างในพื้นที่บ้านทุ่งต้อม อ.เทิง จ.เชียงราย ได้แปรรูปข้าวต่อยอดผลิตภัณฑ์จากข้าว พาข้าวอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์เคียงคู่ไม่ว่าจะเป็นปลา หมูเหมยซาน ไปสู่อยู่ในกรูเมต์มาร์เกต และร้านเลมอนฟาร์ม ตลอดจนร้านอาหารออแกนิกในพื้นที่จ.เชียงรายและจังหวัดอื่นได้สำเร็จ จนเกิดเงินหมุนเวียนในระบบนับพันล้านบาทแต่ละปี ซึ่งจุดแข็งอยู่การทำตลาดแบบคนรุ่นใหม่เข้าใจตลาดของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการอาหารดี มีคุณภาพ และพร้อมจ่าย เพราะกลุ่มนี้เริ่มต้นมาจากชาวพนักงานออฟฟิคที่ผ่านการทำงานในโรงแรมมาก่อนกล้าพูดว่า “ไม่กลัวการตลาด”

น.ส.พิชญาภา ณรงค์ชัย ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง  บ้านทุ่งต้อม อ.เทิง เล่าว่า  กลุ่มได้มีการก่อตั้งขึ้นในปี 2558 หลังจากลาออกจากพนักงานออฟฟิคแล้วมาทำนาในพื้นที่ 15 ไร่ลงทุนไป40,000 กว่าบาท แต่ขายข้าวได้ 30,000 บาท จึงต้องมาทบทวนว่าการทำนาแบบนี้จึงไม่รอด ขณะเดียวได้เห็นรูปแบบการทำนาของบ้านสามีที่ ในอ.เชียงคำ จ.พะเยา มีนา เพียง 6ไร่ แต่เลี้ยงหมูเหมยซานไปด้วย ไม่เป็นหนี้สินสามารถส่งลูกเรียนจนจบปริญญาโท จึงนำลูกหมูจากบ้านสามีมาเลี้ยงพร้อมกับสมาชิกที่เป็นผู้ก่อตั้งจำนวน 7 คน ซึ่งสมาชิกเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เคยทำงานโรงแรมแต่ตกงานในปี59จึงกลับบ้านมาทำนา

ด้วยสภาพพื้นที่ของบ้านทุ่งต้อม ซึ่งไม่มีระบบชลประทาน ที่ผ่านมาเน้นการทำนาน้ำฝนเป็นหลัก แหล่งน้ำจึงสำคัญ รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเลี้ยงหมูนำมาขุดสระในพื้นที่นา ตัวอย่างพื้นที่นา 20 ไร่ขุดสระแล้ว 7ไร่สระไว้เก็บน้ำ ซึ่งยังประโยชน์ช่วยป้องน้ำท่วมและน้ำแล้ง ปีที่แล้วน้ำท่วมเชียงรายแต่พื้นที่บ้านทุ่งต้อมไม่ท่วม เพราะสระช่วยเก็บน้ำได้ หน้าแล้งไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ  ในช่วงที่สภาพอากาศร้อนระอุในช่วงหน้าร้อน พื้นที่นี้ความร้อนจะลดลง เพราะสระที่ขุดไว้มีน้ำช่วยซับความร้อนให้กับพื้นที่ได้ และสระยังเป็นบ่อเลี้ยงปลานิล ผลผลิตปลาจะมีกลุ่มรับซื้อตัดแต่งเป็นปลาแช่แข็ง เช่นเดียวกับหมูเหมยซานที่สามารถขายได้ในกก.ละประมาณ 300 บาทเพราะเป็นหมูที่เลี้ยงจากรำข้าว และปลายข้าวอินทรีย์ของชาวบ้าน  โดยหมูจะส่งไปโรงเชือดในจังหวัด ขณะที่ปลาจะมีกลุ่มรับแปรรูปที่สามารถรับผลผลิตได้วันละ 120 กก.ซึ่งชาวบ้านที่ไม่รวมกลุ่มจะทำหน้าที่เลี้ยงปลา เพาะพันธุ์ปลา ภายใต้มาตรฐานที่กลุ่มกำหนด แล้วนำผลผลิตมาขายให้กับกลุ่ม และล่าสุดสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกสมุนไพร เพื่อนำไปย้อมสีข้าวเพิ่มมูลค่าข้าวให้เป็นข้าวสมุนไพรต่อไป

กรรมวิธีการผลิตข้าวสมุนไพร จะนำสมุนไพรไปไปต้มแล้วปล่อยให้เย็น จากนั้นนำข้าวสารไปคลุกแล้วเข้าเครื่องอบ ซึ่งทำให้สีของสมุนไพรติดในเมล็ดข้าว  โดยข้าวสารจะมีการแยกเมล็ดข้าวหักออกก่อนที่จะย้อมสี จะได้ข้าวสีสมุนไพรทั้งมีเหลืองจากขมิ้น ม่วงจากอัญชัน สามารถเพิ่มมูลค่าขายได้กิโลกรัมละ 100 บาท

              **ข้าวหอมมะลิ 4 สีสี่ธาตุสินค้าซอฟต์พาวเวอร์

จากการเริ่มต้น ของสมาชิก 7 คน ที่ลงหุ้นกันด้วยเงิน 14,000 บาท ปัจจุบันมีสมาชิก 183 คน สมาชิกสมทบ 40 คน สมาชิกกิตติมศักดิ์ 40 คน และสมาชิกระยะปรับเปลี่ยนในการทำเกษตรอินทรีย์ 750 คน มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านสัตว์น้ำ 13 รายการ มีสินค้าผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ 3 รายการ ด้านข้าว 5 รายการ ด้านอื่นๆ เช่น ปุ๋ยน้ำ ผลิตภัณฑ์หวาย

สำหรับในส่วนของสินค้าที่เกี่ยวกับข้าว ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง ให้ข้อมูลว่า ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ที่ทางกลุ่มฯ ได้ผลิตออกจำหน่าย ได้พัฒนาจนได้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “TUNGTOM ORGANIC” ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดเป็นอย่างดี ได้แก่ ข้าวเขียวน้ำนม ข้าวกล้อง ข้าวอบสมุนไพร 5 สี น้ำมันรำข้าวหอมระเหยแบบแท่ง, ข้าวหอมมะลิแพคสุญญากาศ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ ด้านประมง ผงโรยข้าวปลานิลออแกนิค 4 รส น้ำพริกข่าปลานิล 4 รส ปลาตัวตัดแต่ง ปลาแล่ ปลาขูด และปศุสัตว์ ได้แก่ หมูฝอย หมูตัดแต่ง น้ำพริกกากหมู

“เป้าหมายที่ทางกลุ่มอยากดำเนินการให้สำเร็จ คือ การผลักดันผลิตภัณฑ์ข้าวบรรจุถุง เนื่องจากมีกำลังการผลิตสูง และพร้อมจำหน่ายสู่ท้องตลาด  โดยผลิตภัณฑ์ข่าวเด่น ๆ อยากประชาสัมพันธ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 4 ธาตุ 4 สี จากสมุนไพร ประกอบด้วย  1. สีม่วง ทำมาจากสีจากกระเจี๊ยบ 2. สีฟ้า ทำมาจากสีจากอัญชัน  3. สีส้ม ทำมาจากสีจากฟักข้าว และ 4. สีขาว ซึ่งผู้สนใจสามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง เลขที่ 212 ม.5 ต.ศรีดอนไชย อ.เทิง จ.เชียงรายโทร. 0637720565” น.ส.พิชญาภา กล่าว

             ** วิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานไม่กลัวการตลาด  

น.ส.พิชญาภา ณรงค์ชัย ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง  บ้านทุ่งต้อม อ.เทิง ออกตัวว่า กลุ่มฯมีความชำนาญเรื่องตลาดออนไลน์ที่ผ่านมา  เคยขายผ่านแพลตฟอร์มทั้งลาซาด้า ชอบปี้ ติ๊กต๊อก แต่ไม่ได้ยอดขายจำนวนมาก ค้นพบว่าผู้ผลิตไม่ได้สื่อสารกับลูกค้าโดยตรงว่าเราทำเกษตรอินเทรีย์ จึงทำบล็อกชื่อ “ TUNGTOM ORGANIC”ให้ข้อมูลว่าใส่ใจคัดเลือกตั้งแต่พันธุ์หมู พันธุ์ปลา ข้าว กรรมวิธีการผลิต  ขณะเดียวขณะนี้เทรนร้านอาหารออแกนิกมีเพิ่มขึ้น เดิมต้องเอาสินค้าไปเสนอ ถ้าร้านค้าไม่เอาคือต้นทุนเพราะเขาชิมไปแล้ว ตอนนี้การทำตลาดเปลี่ยน ใช้วิธีส่งข้อมูลไปทางเพจร้านอาหาร เริ่มต้นจากร้านอาหารในเชียงราย จะเสิร์ชข้อมูลจากกูลเกิ้ลเลยแล้วมาลิสต์ว่าแต่ละร้าน ร้านอาหารระดับไหน แล้วส่งข้อมูลของกลุ่มไปทางเพจร้านอาหารทางอินบ๊อก

ขณะนี้มีทีมเรามี 4 คนที่เป็นแอดมินของกลุ่มซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ในชุมชนทำหน้าที่ผลิตคลิป เล่าเรื่องเบื้องหลังการผลิตแบบอินทรีย์ ขณะเดียวกันก็สอนแม่ๆให้ถ่ายคลิป ตัดต่อ เล่าเรื่องราวของการปลุกข้าว เลี้ยงปลา เลี้ยงหมู หรือแม้แต่การใช้แชดจีพีที  มีการตั้งเป้าว่าในเดือนหนึ่งส่งข้อมูลไปทางเพจร้านอาหารทั่วประเทศ 300 ร้าน มีตอบรับมา 10 ร้านถือว่าประสบความสำเร็จ ขณะนี้ผลผลิตข้าวเรามี2,000 ตันซึ่งเรามีลูกค้าที่สั่งจองมาแล้วประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมูดำเหมยซานเกษตรพอเพียง บอกเล่าถึงเบื้องหลังความสำเร็จ

            **เชียงรายแหล่งปลูกข้าวเหนียวชั้นดี

              นายปิยะพันธ์ ศรีคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย เป็นหน่วยงานสังกัดกองวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว รับผิดชอบด้านการวิจัยและพัฒนาข้าวในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา และทำหน้าที่ผู้แทนกรมการข้าวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีภารกิจหลักด้านการศึกษาวิจัยด้านการปรับรุงพันธุ์ข้าว  เทคโนโลยีการผลิตข้าว การอารักขาข้าว วิทยาการเมล็ดพันธุ์ วิทยาการก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวข้าว  การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว  พร้อมทั้งปฏิบัติงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ งานนโยบายที่สำคัญของกรมการข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย กล่าวต่อไปว่า ในการส่งเสริมสร้างการพัฒนาอาชีพการทำนาของเกษตรกรในพื้นที่รับผิดชอบ ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย ได้เน้นการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่รองรับการเกษตรสมัยใหม่ โดยในด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าว ซึ่งรับผิดชอบโดยกลุ่มวิชาการ มีงานวิจัยที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวพันธุ์กข 26 หรือ เชียงราย72 เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวไม่ไวต่อช่วงแสง ศักยภาพผลผลิต 1,150 กิโลกรัมต่อไร่ อายุเก็บเกี่ยวสั้น ต้านทานโรคไหม้, ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์  หรือ GI, ข้าวหอมแม่จัน  เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่ม ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI อีกพันธุ์หนึ่งของจังหวัดเชียงราย คาดว่าจะดำเนินการในช่วงปี 2568-2569 นอกจากนี้ ยังมีข้าวเหนียวไม่ไวต่อช่วงแสงพันธุ์ดีเด่น  ได้แก่ ข้าวเหนียวยักษ์เชียงราย พันธุ์ CRIC22001 เป็นข้าวเหนียวที่มีลำต้นสูงใหญ่ แข็งแรง ไม่หักล้ม ความสูง 150-180 ซม. ความกว้างของลำต้น 1 ซม. ใบธงยาว 70 ซม. กว้าง 2 ซม. ศักยภาพผลผลิต 1,300 กิโลกรัมต่อไร่ อายุเก็บเกี่ยวสั้นและกินอร่อย เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นาทั่วไปและพื้นที่นาลุ่มหรือน้ำท่วมซ้ำซาก

ขณะที่ ด้านอารักขาข้าว ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สำคัญ และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี โดยในด้านโรคข้าว จะเน้นการส่งเสริมให้มีการจัดการโดยใช้วิธีผสมผสาน รวมถึงการส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรคข้าว เพื่อลดการใช้สารเคมี ส่วนแมลง และสัตว์ศัตรูข้าว จะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ชาวนาเกี่ยวกับชนิดของแมลงและสัตว์ศัตรูข้าว รวมถึงการจัดการ และป้องกันกำจัดโดยวิธีผสมผสาน ที่สำคัญยังเน้นส่งเสริมให้มีการนำพืชสมุนไพรที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาใช้เพื่อการป้องกันกำจัด เช่น การใช้ผงว่านน้ำ การใช้สารสกัดเนื้อผลมะคำดีควายรูปแบบเม็ดละลายน้ำในการป้องกันกำจัดหอยเชอรี่ เป็นต้น