สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซ ผู้นำเยอรมนี เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และนายโดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ร่วมกันเยือนกรุงเคียฟ เมื่อวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามปะทุเมื่อปี 2565 ซึ่งผู้นำกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ในยุโรปร่วมกันเยือนยูเครน


ทั้งนี้ ผู้นำทั้ง 4 คน พบหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศยูเครนเปิดเผยว่า ผู้นำทุกคนร่วมกันเรียกร้อง “การหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอย่างน้อย 30 วัน” เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. นี้ และมีการหารือเรื่องนี้ผ่านการประชุมทางโทรศัพท์ ร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐด้วย


ด้านทำเนียบเครมลินยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม จากตัวอย่างรายการสัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ของสหรัฐ ที่เป็นการบันทึกเทปล่วงหน้า นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า บรรดาพันธมิตรในยุโรปของยูเครนต้องยุติการส่งมอบอาวุธ “อย่างเด็ดขาด” หากต้องการให้รัสเซียร่วมเห็นชอบกับข้อตกลงหยุดยิงใดก็ตาม


ขณะเดียวกัน เปสคอฟกล่าวว่า การหยุดยิงในช่วงที่ทหารรัสเซียกำลังรุกคืบอยู่นั้น “จะเป็นการสร้างความได้เปรียบ” ให้กับยูเครน และตำหนิรัฐบาลเคียฟ “ไม่พร้อมเจรจาเพื่อยุติหยุดยิงอย่างถาวร”.

เครดิตภาพ : AFP