ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พระเทพวชิรธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า มีนักพูดบางคน พยายามที่จะด้อยค่าจารีตประเพณีที่บุรพจารย์และบรรพชน ได้ถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน หลายสิ่งหลายประการ หนึ่งในจำนวนนั้น คือ เรื่องการกรวดน้ำ พูดในทำนองที่ว่าไม่มีในหลักคำสอน ในคำสอนมีแต่ให้ตั้งใจอุทิศเท่านั้น ไม่มีการกรวดน้ำ การกรวดน้ำเป็นของศาสนาอื่น ฟังแล้ว ก็ทำให้นึกถึงพระพุทธดำรัสที่ว่า “อสาเร สารมติโน สาเร จาสารทสฺสิโน” (คนที่รู้สิ่งที่ไม่มีสาระว่าเป็นสิ่งมีสาระ เห็นสิ่งที่มีสาระว่าไม่มีสาระ) เต สารํ นาธิคจฺฉนติ มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา (คนเหล่านั้น มีความคิดผิดเป็นพื้นฐาน ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ)

การกรวดน้ำ แท้ที่จริง เป็นการตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่ตนทำแล้วให้แก่ท่านที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นนามธรรม โบราณท่านจึงใช้น้ำเป็นเครื่องหมายเป็นรูปธรรมแทนน้ำใจที่ใสสะอาด สาระสำคัญจึงอยู่ที่การตั้งใจอุทิศ จะมีน้ำหรือไม่มีน้ำก็ได้ การใช้น้ำจึงสื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้เห็น สืบทอด และเข้าใจในสาระสำคัญของการทำบุญอีกแบบหนึ่ง แต่หากไม่มีสิ่งที่เป็นรูปธรรม การกรวดน้ำหรืออุทิศส่วนกุศล ก็จะหายไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงควรรักษาจารีตประเพณีนี้ให้ต่อเนื่องไป

อันที่จริง ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องการกรวดน้ำ โดยคิดว่า การทำบุญทักษิณา เพื่ออุทิศส่วนกุศล บุญจะเกิดแก่ผู้วายชนม์เท่านั้น แท้ที่จริง บุญที่ทำทุกอย่าง จะถวายทาน รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา หรือฟังธรรม ล้วนเกิดแก่เราโดยตรง ขั้นตอนต่อมา คือ การตั้งใจอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ตาย โดยการกรวดน้ำบ้าง หรือตั้งใจอุทิศบ้าง แทนที่บุญที่เราทำมาจะหมดไป กลายเป็นเราได้ทำบุญอีกอย่างหนึ่ง คือ ปัตติทานมัย บุญที่เกิดจากการให้ส่วนบุญ เป็นกำไรบุญที่เพิ่มขึ้น ส่วนคนตาย จะได้รับส่วนบุญได้ เขาก็ต้องทำเอง คือ อนุโมทนาส่วนบุญ พออนุโมทนา ก็จะเกิดบุญอย่างหนึ่ง คือ ปัตตานุโมทนามัย บุญที่เกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ หากเขาไม่อนุโมทนา ก็ไม่ได้รับ

ดังนั้น จึงควรเข้าใจให้ถูกต้อง และขอเมตตาท่านนักพูดนักสอนทั้งหลาย หากไม่รู้จริง ก็อย่าเอาตำรามาข่มมาด้อยค่าครูบาอาจารย์ มุ่งพูดที่เกิดประโยชน์แก่สังคม อย่าเอาดีใส่ตัวโยนชั่วให้คนอื่นแล!