สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่า นายลอรี มิลลีเวียร์ตา นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศสะอาด (ซีอาร์อีเอ) กล่าวว่า กำลังการผลิตพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานนิวเคลียร์ใหม่ทำให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของจีนลดลง 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสแรก และลดลง 1% ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

การปล่อยมลพิษของจีนเคยลดลงมาก่อนจากความต้องการที่ลดลง โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2565 แต่ในครั้งนี้ การลดลงเกิดขึ้นท่ามกลางความต้องการพลังงานทั้งหมด ที่จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในไตรมาสแรก

การลดลงในปัจจุบันเป็นครั้งแรกที่เกิดจากการเติบโตของการผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งส่งผลให้การปล่อยมลพิษจากภาคพลังงานลดลง 5.8% ในไตรมาส และชดเชยการเพิ่มขึ้นของการปล่อยมลพิษจากการใช้ถ่านหิน ในอุตสาหกรรมโลหะและเคมีภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่า การปล่อยมลพิษอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หากจีนยังพยายามกระตุ้นภาคส่วนที่ใช้คาร์บอนเข้มข้น เพื่อตอบสนองต่อสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา

มิลลีเวียร์ตากล่าวว่า เส้นทางของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของจีนในอนาคต ขึ้นอยู่กับแนวโน้มในแต่ละภาคส่วนของเศรษฐกิจ รวมถึงการตอบสนองของจีน ต่อภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES