สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ว่านายสุพรหมณยัม ชัยศังกร รมว.การต่างประเทศอินเดีย ตอบโต้ข้ออ้างดังกล่าว โดยระบุว่า การเจรจายังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ จนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น

สวนทางกับคำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่มีขึ้นในวันเดียวกัน ระหว่างการพบกับผู้นำธุรกิจที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งผู้นำสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลนิวเดลียื่นข้อเสนอ จะไม่เรียกเก็บภาษีใด ๆ จากสหรัฐ

ทั้งนี้ ชัยศังกรกล่าวว่า ข้อตกลงการค้าใด ๆ จะต้องเป็นประโยชน์ร่วมกัน และเป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ โดยเขาย้ำว่า จนกว่าการเจรจาจะเสร็จสิ้น การตัดสินใด ๆ “ยังคงเร็วเกินไป”

ในระหว่างการพูดถึงแผนของแอปเปิล ที่จะผลิตไอโฟนในอินเดีย ทรัมป์อ้างว่าได้บอกกับนายทิม คุก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแอปเปิล ว่า เขาไม่ต้องการให้แอปเปิลผลิตไอโฟนในอินเดีย เพราะเป็นประเทศซึ่งมี “อัตราภาษีนำเข้าสูงที่สุด” ประเทศหนึ่งของโลก

ทรัมป์อ้างว่า อินเดียเสนอข้อตกลงกับสหรัฐ ว่าจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเราเลย และเขาทนกับโรงงานทั้งหมดที่แอปเปิลสร้างในจีนมาหลายปีแล้ว และสหรัฐ “ไม่อยากให้แอปเปิลสร้างโรงงานในอินเดีย เพราะอินเดียดูแลตัวเองได้”

สหรัฐถือเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมีมูลค่าการค้าทวิภาคีสูงถึง 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.2 ล้านล้านบาท) เมื่อปี 2567

ก่อนหน้านั้น อินเดียลดภาษีนำเข้าเบอร์เบิน วิสกี จักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นของสหรัฐอีกหลายรายการ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันยังคงขาดดุลการค้ากับอินเดีย 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) ซึ่งทรัมป์ต้องการให้เหลือน้อยลง.

เครดิตภาพ : AFP