เมื่อวันที่ 18 พ.ค.68 โรงแรมโกลเดนท์ ทิวลิป ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวอดีต สส.ของพรรคเพื่อไทย จะกลายเป็นพรรคสาขาหรือไม่นั้น ว่า ทั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม พรรคเพื่อไทย อยู่กันมาตั้งแต่วัยรุ่น และถือเป็นผู้อาวุโสทางการเมืองของประเทศ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวทางการเมืองตนก็ต้องการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง เราต้องหาคนที่มีความพร้อม ความคิดความอ่านก็คล้ายกัน จากนี้จะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนมีความรู้ วุฒิภาวะ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ตนพยายามที่จะไม่เปิดตัวทีเดียว

ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า ซึ่งก่อนการทาบทามอดีตนักการเมือง 2 ท่านนี้ ได้มีการพาไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว พร้อมกล่าวว่า ตนจะทำอะไรต้องหารือที่มาที่ไปของแต่ละคนอยู่แล้ว วิธีชีวิตที่เคยอยู่กันมา เมื่อถึงเวลาแยกกันก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึง สส. อีกกว่า 30 ราย ที่จะย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จะมีการทยอยเปิดตัวรายสัปดาห์ ซึ่งอาจจะมีบิ๊กเนม และ สส.สมัยปัจจุบันมาร่วมด้วย ส่วนจะเป็น สส.พลังประชารัฐหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า สส.เหล่านั้นก็เป็นพี่น้องทั้งนั้น หลายคนเป็น สส.ก็เพราะตนช่วยมา ถ้าไม่มีตนก่อนหน้านี้ก็คงเหนื่อย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน เพราะตนไปลุยศึกเลือกตั้งซ่อม จ.นครศรีธรรมราช มา พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้ไป “แจกกล้วย” ให้ สส.ตามที่เป็นข่าว ตนต้องดูว่าแต่ละคนมีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร ตอนนี้เหลือเวลาปีกว่า คงไม่มีใครไปทำอย่างนั้น พร้อมปฏิเสธพรรคประชาชนว่าพรรคกล้าธรรมไม่ได้มี “พลังดูด” เพียงแต่เป็นการดูว่าใครทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างไรได้บ้าง เช่น สส.ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช สะท้อนปัญหาเรื่องร้านปาล์มตกต่ำ ร้านปาล์มไม่รับซื้อ ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหานี้ทันที

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีคดีชั้น 14 นายทักษิณ ว่าจะส่งผลอะไรต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ”ไม่มี การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน“ และยังปฏิเสธกรณีที่น.ส.พรรณิกา วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคกล้าธรรม พยามดูด สส. เพื่อต่อรองเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย ยืนยันไม่เคยมีแนวคิดเรื่องนี้ เพราะในพรรคกล้าทำไม่มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติ ไปนั่งเป็น ”มท.1“ ก่อนจะอ้างว่า ขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งก็ดีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นายอนุทินป่วย ได้ไปเยี่ยมหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตอนนั้นที่นายอนุทินป่วย ตนเองก็ป่วย
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กรณีหากในอนาคตพรรคกล้าธรรมมี สส. เพิ่มจะส่งผลถึงโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีกันใหม่ ว่า ได้มองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ได้มองในครั้งนี้ หากรัฐบาลไม่ได้มีปัญหากันก็อยู่แบบนี้ดีอยู่แล้ว และขออย่ามองว่าพรรคกล้าธรรมพยายามขยับมาแทนที่อันดับพรรคภูมิใจไทย เพียงแต่มองว่าหากพรรคก็ทำได้ สส. มาเยอะสามารถมีตัวแทนช่วยเหลือประชาชนได้

เมื่อถามว่า ประเด็นที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยไปกันไม่ค่อยได้ ตรงนี้ทำให้กระทบต่อการบริหารงานหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “เรื่องการเมืองต้องคุยกัน การเมืองต้องจบด้วยการคุยกัน อย่าให้การเมืองเมื่อทะเลาะกันแล้วหรือขัดแย้งกันแล้วไปจบการทหาร ซึ่งมีความมั่นใจว่าสามารถคุยกันได้”
เมื่อถามว่า กรณีปัญหาในรัฐบาลจะอยู่กันครบเทอมหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในฐานะเป็นนักการเมืองก็มีการประเมินการเมืองตลอดเวลา ซึ่งในท้ายที่สุดต้องมีการเจรจากัน และเป็นคนกันเองทั้งนั้น ซึ่งจากนี้ไปจะมีการเปิดสภา ในช่วงวันที่ 3 ก.ค.68 ก็จะเหลือเวลาอีกปีกว่า ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็จะต้องเริ่มจัดพรรคแล้ว และเชื่อว่าในปีนี้จะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่กับเทอมและจะมีการคุยกันไม่มีการขับพรรคใดออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
“ คนไม่สมหวังก็คอยยุ คอยแหย่ เป็นเรื่องปกติ แต่ท้ายที่สุดหากเค้าคุยกันคุณก็ผิดหวัง สังคมไทยเราต้องเปลี่ยน” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวปฏิเสธแสดงความเห็นว่า หากการเลือกตั้งครั้งหน้าตัวเลข สส. พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เสียงข้างมาก จะทำให้สมการจะเปลี่ยนหรือไม่ เพียงกล่าวว่าทุกพรรคต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง ไม่ขอพูดเรื่องการปรับ ครม. ได้เพราะไม่ใช่อำนาจ และเชื่อว่าไม่มีการปรับขั้วการเมือง และเป็นคนละเรื่องกับกรณีฮั้ว สว. ก็ว่าไป ส่วนเรื่องการเมืองสภาล่างก็ว่ากันไป.