สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่า บริษัทมูดีส์ เรตติงส์ หนึ่งในผู้จัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐ จากเอเอเอ (Aaa) ลงมาอยู่ที่ เอเอ1 (Aa1) โดยให้เหตุผลว่า หนี้ภาครัฐและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดช่วงเวลานานกว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวเลขดังกล่าวของสหรัฐ “สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ” เมื่อเทียบกับประเทศอื่นซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกัน


ขณะเดียวกัน มูดีส์คาดการณ์ว่า หนี้ของรัฐบาลวอชิงตันจะเพิ่มขึ้นเป็น 134% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2578 จาก 98% เมื่อปี 2567


ด้านทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ประณามรายงานของมูดีส์ ว่าทีมงานของมูดีส์ที่จัดทำรายงานฉบับดังกล่าว เป็นอดีตที่ปรึกษาในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเป็นผู้บริจาคให้กับนางฮิลลารี คลินตัน อดีต รมว.การต่างประเทศสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานของมูดีส์ชุดนี้ ยังมีจุดยืนทางการเมืองต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่ปี 2559


ดังนั้น จึงไม่มีบุคคลใดในทำเนียบขาวให้ความสำคัญกับรายงานชิ้นนี้ เนื่องจากผลลัพธ์ที่ออกมานั้น “ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”


อนึ่ง เอสแอนด์พี เป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือแห่งแรก ที่ปรับลดเครดิตของรัฐบาลสหรัฐ เมื่อปี 2554 ตามด้วย ฟิตช์ เรตติงส์ ในอีก 12 ปีต่อมา โดยบริษัททั้งสองแห่งให้เหตุผลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของรัฐ และ “มาตรฐานธรรมาภิบาลที่เสื่อมถอย” ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา.

เครดิตภาพ : AFP