จากกรณี เจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังช้างป่า พบซากช้างป่าเพศผู้มีงานนอนตายจำนวน1ตัว อยู่ในป่าเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 17พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ก่อนส่งทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่เข้าร่วม ตรวจสอบที่เกิดเหตุและผ่าพิสูจน์ซากช้างตัวดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ค.68 นายนพพร ปทุมเหง่า ผอ.สบอ.3สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจากนายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่า นายอนุรักษ์ สกุลพงษ์ นายสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ตำรวจ สภ.บ้านยางชุม ตำรวจตระเวนชายแดนที่1452 (บ้านย่านซื่อ) ทหารชุดประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มณฑลทหารบกที่ 15 เจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่ากลุ่มป่าแก่งกระจาน WWF ประเทศไทย ร่วมกันตรวจสอบซากช้างป่าและทำการผ่าชันสูตร

พบว่า เป็นช้างป่า เพศผู้ อายุประมาณ 10 ปี น้ำหนักประมาณ 1.5 ตัน มีงาทั้ง2 ข้าง สภาพซากเน่าสลาย ไม่พบบาดแผลใดๆ คาดว่าตายมาแล้ว 5-7 วัน ใช้เครื่องสแกนโลหะไม่พบโลหะในซากช้างป่า ก่อนทำการผ่าซาก พบว่าอวัยวะภายในเน่าสลายจนไม่สามารถเก็บตัวอย่างได้ จึงได้ทำการผลิกซากช้างเอาด้านขวาขึ้น จนพบรอยบาดแผลบริเวณสะโพกขวา ขนาด 10×10 ซม. ลึกถึงกระดูกสะโพก (Ilium) พบว่ากระดูกสะโพกทะลุและแตกเป็น 2 ส่วน มีเศษอาหารทะลักออกมา โดยบาดแผลอยู่สูงจากพื้นดิน ประมาณ 150 ซม. โดยผิวหนังขอบแผลมีลักษณะไม่เรียบ คล้ายรอยฉีก

จึงคาดว่าเกิดจากพฤติกรรมฝูง ช้างป่ามีงาขนาดใหญ่เข้าทำร้ายจนตาย เนื่องจากขนาดบาดแผลมีความใกล้เคียงกับขนาดของงาช้างเต็มวัย จึงทำให้ช้างตัวนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก และตายลงในที่สุด เจ้าหน้าที่ ได้ทำการถอดงาทั้ง 2 ข้าง นำไปเก็บรักษาไว้ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ก่อนทำการนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธี และนำรถแบ๊กโฮมาขุดหลุมฝังกลบซากในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ สู่สัตว์ป่าอื่นๆต่อไป.