เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 23 พ.ค. 68 ที่ ศาลจังหวัดนนทบุรี นัดตัดสินคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวที่พลัดตกเรือเสียชีวิต โดยแยกฟ้องออกจากคดีเดิมของ นายตนุภัทร หรือ ปอ เลิศทวีวิทย์ และนายไพบูลย์ หรือ โรเบิร์ต ตรีกาญจนานันท์ ที่ให้การรับสารภาพไปก่อนแล้ว

ส่วนคดีที่แยกฟ้องมีจำเลย 4 คน ประกอบด้วย นายวิศาพัช หรือ แซน มโนมัยรัตน์ น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ นายนิทัศน์ หรือ จ๊อบ กีรติสุทธิสาธร นายภีม หรือ เอ็ม ธรรมธีรศรี ซึ่งจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ จากนัดได้มีการนัดสืบพยานจำเลยทั้ง 4 คน โดยจะทำการตัดสินพิพากษาในวันนี้

บรรยาการที่ด้านหน้าศาลจังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ช่วงเช้า น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ เดินทางถึงศาลเป็นคนแรก โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ จากนั้นตามมาด้วยทนายของกระติก ต่อมาคือนายนิทัศน์ หรือ จ๊อบ กีรติสุทธิสาธร ซึ่งลงจากรถได้เดินขึ้นศาลทันที ตามมาด้วยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่ของนางเอกสาว แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยว่า คุณแม่ยังไม่อยากให้สัมภาษณ์ วันนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ว่าศาลจะฟังว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือประมาท ประเด็นมีอยู่แค่นี้ นอกจากนั้นยังมีการแจ้งความเท็จหรือยุยง ส่งเสริม หรือไม่ และมีการทำลายหลักฐานหรือไม่ ประมาณนี้ ตนมั่นใจในหลักฐานของตำรวจภูธรภาค 1 และอัยการ ซึ่งคดีนี้หลายคนยังไม่เข้าใจว่าคุณแม่ไม่ได้เป็นโจทก์ เพียงแต่เป็นโจทก์ร่วม คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ เพราะฉะนั้นหลักฐานจึงเป็นหลักฐานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และสำนักงานอัยการ ซึ่งตนได้คุยกับทางอัยการแล้วมีความมั่นใจว่า การตัดสินในวันนี้ จะมีการเขียนคำพิพากษาอย่างละเอียด เนื่องจากมีประเด็นทางโซเชียลที่ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในการทำคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อปิดช่องให้คนอื่นเอาคำพิพากษาไปหาประโยชน์ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะดำเนินการอย่างไร ก็แล้วแต่ทางสำนักงานดีเอไอ สำหรับคุณแม่ยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่มีความกังวล และท่านก็ไม่ได้ผูกพยาบาทกับจำเลยในคดีนี้ ท่านยอมให้อภัยหมดทุกคน ซึ่งหลังจากตัดสินแล้ว คู่ความคนไหนไม่พอใจก็สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้

ทนายเดชา กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 คน แซน กระติก และจ๊อบ ไม่มีใครติดต่อคุณแม่มา มีแต่ทางแซน ยื่นเงิน 100,000 บาท ในการพิจารณาคดีครั้งสุดท้าย เมื่อเดือน มี.ค. เป็นการชดใช้เงินด้านมนุษยธรรม สำหรับคดีนี้ ที่ทั้ง 4 คนปฏิเสธ เท่าที่ตนทราบ นายปอ กับนายโรเบิร์ต เป็นคนขับเรือ จึงยอมรับในเรื่องนี้ว่าสลับกันขับ และได้มีการชดใช้เงินให้คุณแม่ไปประมาณ 9 ล้านบาท ส่วนคนที่อยู่บนเรือที่เหลือ มองว่าไม่ได้เป็นคนขับเรือ เป็นเพียงผู้โดยสาร จึงไม่มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลแตงโม แต่ทางอัยการบรรยายฟ้องว่าต่างคนต่างมีส่วนในการรับผิดชอบ มีการกินแอลกอฮอล์จนมึนเมา และมีการชักชวนลงเรือ และดื่มแอลกอฮอล์ซ้ำ นอกจากนี้ คนขับเรือยังไม่มีใบอนุญาต เพราะฉะนั้นทุกคนบนเรือต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ เนื่องจากมีการชักชวนกันมา ไม่มีชูชีพ ไม่มีห่วงยาง เพราะเกิดอุบัติเหตุ คนบนเรือมีการแจ้งช้า ซึ่งต้องรอศาลตัดสิน ซึ่งในการฟ้องครั้งนี้ ทางอัยการฟ้องทั้งหมดพร้อมกัน แต่เมื่อมีคนรับสารภาพแค่สองคน ศาลจำเป็นต้องตัดสินไปก่อน จึงทำให้ต้องมีการแยกฟ้อง หากวันนี้ศาลมีการยกฟ้อง ก็เนื่องจากเป็นคดีเดียวกันแต่การกระทำคนละส่วน.