เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 23 พ.ค. ที่สำนักงานประกันสังคม จ.นนทบุรี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ระบุถึงกรณีสำนักงานประกันสังคมใช้เงินผู้ประกันตนซื้อรถหรูประจำตำแหน่ง แถมกติกากระทรวงการคลังยังเปิดช่องให้สามารถบริจาคเป็นรถมือ 3 ได้ เป็นที่สงสัยว่าเป็นกระบวนการอะไรหรือไม่ ว่า เรื่องนี้เป็นข้อปฏิบัติภายในส่วนราชการของกระทรวงแรงงาน หากรถที่ใช้งานมากกว่า 8 ปีตามกฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นรถราคาสูงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นรถโฟล์ค รถตู้อัลพาร์ด หรือรถเก๋ง เมื่อมีการปลดประจำการและมีรถใหม่มาทดแทนแล้ว ถ้านำไปขายทอดตลาด หรือขายเต็นท์รถ เงินที่ได้มาก็ไม่มาก จึงนำไปบริจาคในอันดับแรกคือ ส่วนราชการอื่น จากนั้นก็จะเป็นโรงเรียน มูลนิธิ หรือวัดที่ส่งหนังสือแสดงความประสงค์ขอรับบริจาคมาที่สำนักงานประกันสังคม แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดตามว่าเขานำไปทำอะไรต่อ ซึ่งหากมีข้อเท็จจริงเช่นนี้ ตนยังไม่รู้รายละเอียด ก็จะไปหาข้อมูลต่อ เพราะวันนี้ทั้งวันตนก็ยังไม่ได้อ่านไลน์อะไรเลย
ด้านนายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า คือเรื่องครุภัณฑ์ประกันสังคม เป็นสิ่งที่เราติดตามอยู่ตลอดและการใช้จ่ายของประกันสังคมปีหนึ่งประมาณ 5-6 พันล้านบาท ในส่วนของครุภัณฑ์รถยนต์ก็เป็นส่วนที่สังคมตั้งคำถาม โดยเฉพาะกรณีรถผู้บริหาร หรือต่างๆ แน่นอนว่ามีรถที่ได้ใช้จริงตามความจำเป็น เช่น รถที่ใช้ตามต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ รถตู้ โดยมีการจัดซื้อรถประมาณ 100 กว่าล้านบาท ถือว่าไม่ได้เยอะและมีเกณฑ์การใช้ว่าใช้ประมาณ 5-8 ปี แต่เมื่อครบอายุแล้วมีการตั้งคำถามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า ประกันสังคมใช้เงื่อนไขการบริจาคให้กับวัด

“ผมอยากชวนให้คิดตามว่า แม้จะเป็นรถที่ใช้มา 7-8 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีมูลค่า อย่างน้อยก็ 20% ของราคาซื้อขายในทีแรก หรืออย่างน้อยก็เป็นเงินประมาณ 20-30 ล้านบาท เพราะใช้มา 7-8 ปีแล้วมีการขายทอดตลาด ถ้าเราเอาไปบริจาค โอเคว่าเราได้บุญ แต่ว่าผู้ประกันตนได้อะไร นี่ก็เป็นคำถาม ว่าทำไมเราพร้อมที่จะเสียเงิน 20-30 ล้าน ถ้าเทียบกับการขายทอดตลาด แล้วตามที่ สส.สหัสวัต ยกประเด็นนี้ขึ้นมาก็น่าสนใจว่าการบริจาคให้วัดนั้นแล้ววัดเอาไปทำอะไรต่อ เคยมีลดหย่อนที่วัดไหม แล้วรถถูกส่งต่อไปให้ใครอีกในเวลา ไม่กี่เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้สังคมตั้งคำถามกับสาธารณกุศล วัดต่างๆ เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องทำให้โปร่งใส ซึ่งผมได้ร้องขอต่อฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องว่าให้เปิดเผยรายชื่อวัดที่สำนักงานประกันสังคมได้บริจาคไป” นายษัษฐรัมย์ กล่าว
เมื่อถามว่าปลัดกระทรวงแรงงานชี้แจงว่าการบริจาคคุ้มค่ากว่าการนำไปขายทอดตลาดซึ่งได้ราคาถูก นายษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกว่าบุญกับอะไรต่างๆ ก็ต่างกัน แต่อย่าลืมว่าประกันสังคมเป็นกองทุนขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก เงินที่ได้กลับคืนมา 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท จาก 100 ล้านบาท ที่ใช้ไปก็ถือว่ามีค่า อย่างน้อยก็ทำให้ท่านมีงบทำปฏิทินต่อ เลิกบริจาครถยนต์เอาเงินขายรถมาทำปฏิทินก็ได้ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องน่าเศร้าเหมือนกันที่กลไกการใช้งานงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนหลักสิบล้านคนไม่ได้ถูกคิดคำนึงอย่างรอบคอบ.