สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ว่ากองทัพยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียส่งขีปนาวุธ 69 ลูก และอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน อีก 298 ลำ โจมตีพื้นที่ทั่วยูเครน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นสถิติการโจมตีสูงที่สุดภายในวันเดียว นับตั้งต่สงครามระหว่างทั้งสองประเทศเปิดฉาก เมื่อปี 2565


การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า “สงครามไม่มีวันหยุดราชการ” แต่การที่ประชาคมโลกยังคงนิ่งเงียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ “ไม่ต่างอะไรกับเป็นการมอบความสนับสนุน” ให้กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และเรียกร้องให้มีการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรกับรัฐบาลมอสโก


อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงสถานการณ์ในยูเครน ว่าเขา “ไม่แฮปปี้” กับการโจมตีที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้พูดต่อ ว่าแล้วรัฐบาลวอชิงตันจะมีมาตรการใดกับรัสเซียหรือไม่

https://twitter.com/ZelenskyyUa/status/1926540332788842553


อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่า การที่เซเลนสกีวิจารณ์ “ความเพิกเฉย” ของสหรัฐ น่าจะหมายถึงการที่รัฐบาลทรัมป์ยังไม่เคยออกมาตรการคว่ำบาตรหรือกดดันรัสเซียอย่างจริงจัง นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐสมัยที่สอง แต่ในทางกลับกัน กลับมีการเจรจากันอย่างต่อเนื่อง ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ และทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับปูติน เมื่อไม่นานมานี้


ทั้งนี้ทั้งนั้น รัสเซีบและยูเครนเสร็จสิ้น การแลกเปลี่ยนเชลยศึกที่รวมถึงทหารและพลเรือน ฝ่ายละ 1,000 คนเท่ากัน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามการหารือระหว่างทั้งสองประเทศ ที่เมืองอิสตันบูลของตุรกี ในเดือนนี้.

เครดิตภาพ : AFP