เมื่อวันที่ 27 พ.ค. เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อชายหนุ่มรายหนึ่งต้องเข้าห้องฉุกเฉินด้วยอาการเจ็บคออย่างรุนแรงและคอบวมเป่งจนขยับไม่ได้ สาเหตุทั้งหมดมาจากพฤติกรรมที่หลายคนอาจเคยทำ นั่นคือ “กลั้นจาม” โดยการบีบจมูกและหุบปากพร้อมกัน ขณะกำลังขับรถและมีอาการแพ้เกสรดอกไม้

แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องการหายใจ กลืน หรือพูด แต่แพทย์กลับได้ยินเสียง “แตกพร่า” เบาๆ บริเวณลำคอ เมื่อทำการเอกซเรย์ก็พบว่ามี “ลมรั่ว” ออกมาอยู่ใต้ชั้นเนื้อเยื่อผิวหนัง ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า “พังผืดมีลม” (Surgical Emphysema)

การตรวจด้วย CT สแกนเผยความจริงที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือพบการฉีกขาดของหลอดลม ขนาดเล็กเพียง 2×2 มิลลิเมตร ระหว่างกระดูกคอชิ้นที่สามและสี่ ซึ่งทำให้ลมจากหลอดลมรั่วออกมาแทรกในเนื้อเยื่อบริเวณลำคอและช่องปอด แพทย์ลงความเห็นว่า การฉีกขาดนี้เกิดจาก “แรงดันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลอดลมขณะกลั้นจามด้วยการบีบจมูกและปิดปาก”

การรักษาและสิ่งที่ทำให้เคสนี้ไม่เหมือนใคร

โชคดีที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แพทย์เลือกที่จะเฝ้าระวังอาการในโรงพยาบาลเป็นเวลาสองวัน โดยมีการติดตามระดับออกซิเจนและสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด รวมถึงงดอาหารทางปากในวันแรก ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านพร้อมยาแก้ปวดและยาแก้แพ้ พร้อมคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากเป็นเวลาสองสัปดาห์ และจากการตรวจติดตามผลในอีกห้าสัปดาห์ต่อมา พบว่าบาดแผลที่หลอดลมหายเป็นปกติแล้ว

สิ่งที่ทำให้เคสนี้ไม่เหมือนใครและเป็นที่จับตาของวงการแพทย์คือ การฉีกขาดของหลอดลมเองนั้นไม่ค่อยมีรายงานในทางการแพทย์ ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุทางกายภาพหรือภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ หรือการใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ก่อนหน้านี้ ยังไม่เคยมีรายงานการฉีกขาดของหลอดลมที่เกิดจากการ “กลั้นจาม” มาก่อนเลย

แพทย์ผู้รักษากล่าวเตือนในรายงานว่า แรงดันในทางเดินหายใจส่วนบนเมื่อมีการบีบจมูกและปิดปากขณะจามนั้น อาจสูงกว่าการจามปกติถึง 20 เท่า! พวกเขาจึงได้ให้คำแนะนำอย่างจริงจังว่า “ทุกคนควรได้รับคำแนะนำไม่ให้กลั้นจามด้วยการบีบจมูกพร้อมปิดปาก เพราะอาจส่งผลให้หลอดลมทะลุได้”

ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกอยากจาม อย่าคิดที่จะกลั้นมันไว้เด็ดขาด ให้จามออกมาตามธรรมชาติเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง!

ที่มา https://www.livescience.com