เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ กรรมการฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ เพื่อพิจารณามติของแพทยสภา ที่มีการลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่า หลังมีการหารือของคณะกรรมการมา 2 ครั้งแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค. มีความเห็นส่งมาในไลน์กลุ่มกรรมการในหลายๆ แนวทางทั้งเห็นด้วย และเห็นต่างกันบ้าง เห็นครึ่งเดียวบ้าง ประเด็นที่มีการทิ้งคำถามไว้เมื่อวานคือคำวินิจฉัยของกรรมการทั้ง 9 คนไปไม่สุดได้ เนื่องจากเอกสารที่เราขอไปยังแพทยสภานั้น ได้รับมาไม่ครบ โดยขาดเอกสารบางส่วนในอนุกรรมการชุดแรก ชุด 2 และชุด 3 ดังมีรายงานจากนายแพทย์ที่ได้รับผลกระทบทั้ง 3 คน ว่า บางครั้งมีการใช้เสียงข้างน้อยมาลงโทษแพทย์เหล่านั้น จึงเขียนเป็นรายงานส่งถึงเรา

“เรายังยืนยันต่อรัฐมนตรีว่า โดยปกติของข้อกฎหมายว่า ถ้าเป็นการพิจารณาอะไรก็ดี อันดับแรกต้องดูองค์ประชุม มติประกอบด้วยว่า ชอบหรือไม่ชอบ เราถึงวินิจฉัย ถ้ามีมติที่ถูกต้อง แต่มตินั้นมันขาดจริงๆ หลังปรึกษาคณะแล้ว ท่านประธานก็บอกว่า เราคงจะต้องทำตามที่เรามีเท่านั้น คือวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องส่งความเห็นให้รัฐมนตรีในฐานะสภานายกพิเศษ ก็ต้องไปตามนี้ เท่าที่มี แต่ในจุดอ่อนการที่เอกสารไม่มาจะเป็นจุดอ่อนในมติแพทยสภาหรือไม่อย่างไร ก้าวล่วงไม่ได้ แต่ส่วนตัวผมคงนำมาวินิจฉัยทุกเรื่องของข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง การวิกฤติหรือไม่วิกฤติก็เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นปลีกย่อยออกไป” นายนรินท์พงศ์

นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ความเห็นของกรรมการเป็นแค่ความเห็น ว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยเพราอะไร แต่ไม่ได้บอกว่า ใช่หรือไม่ใช่ เพราะไม่ใช่หน้าที่เรา แต่รัฐมนตรีจะใช้หรือไม่ใช้ก็เป็นดุลพินิจของท่าน ทั้งนี้คิดว่ากรรมการฯ แต่ละคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และต่างคนต่างมีมุมมองที่ดีมากๆ เพราะเป็นอัยการเก่า เป็นศาลเก่า ทำให้ได้มุมที่ดี ขออย่ามองเป็นเรื่องการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แพทย์ถูกแพทย์ลงโทษ แต่มาก ปกติน่าจะถูกผู้ป่วยกล่าวหา เราจึงอยากจะบอกว่าตอนนี้เรามาให้ความเป็นธรรมแพทย์ ไม่อยากให้เชื่อมโยงไปถึงวันที่ 13 มิ.ย. 2568 (ศาลฎีกานัดไต่สวนคดีทักษิณ ชินวัตร เรื่องการรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ) แต่อย่างใด เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกัน มันบางมากจริงๆ

เมื่อถามว่า เป็นการมั่นใจว่า จะเป็นสิ่งที่จะวีโต้มติแพทยสภาได้หรือไม่ นายนรินท์พงศ์  กล่าวว่า อันนี้ตอบไม่ได้ เพราะเป็นเสียงของกรรมการ 9 คน และมีความหลากหลายในความคิดจริงๆ แต่เป็นฐานในการพิจารณา ในการวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ขอเพิ่มเติมไม่เกี่ยวข้องกับข้อสรุปทางการแพทย์ แต่เป็นเรื่องของจำนวนคนที่ตั้งขึ้นมาทั้ง 4 ชุด ชุดจริยธรรม ชุดเฉพาะกิจ ชุดกลั่นกรอง ซึ่งเขาใช้บุคคลภายนอกด้วย ซึ่งถ้าเราไม่เห็นมติและไม่มีที่มา มันก็สับสน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เอกสารที่แพทยสภาส่งให้นั้น มีเอกสารของอนุกรรมการกลั่นกรองด้วย แต่มาไม่ครบ แต่จะบอกว่าขาดส่วนไหนไม่ได้ แต่ในส่วนที่เราขอไปนั้น และส่วนอื่นจะมีหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่โดยหลักการที่องค์กรต่างๆ จะวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว  คำวินิจฉัยต้องมาครบถ้วน มีเซ็นการรับรองประกอบ มีเลขาฯ มีทุกอย่าง ทำรายงานการประชุมทุกครั้ง แต่อันนี้มันไม่มีจริงๆ เราคิดว่า วันนี้น่าจะสรุปได้หลังประชุม 14.00 น.

เมื่อถามย้ำว่า ที่ขอเอกสารในส่วนของอนุกรรมการกลั่นกรองที่เราอยากได้จริงๆ คืออะไร นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ฝ่ายเลขาฯ เป็นคนขอไป ส่วนตัวติไว้ว่า ถ้าไม่เห็นมติในแต่ละครั้ง หรือมติกรรมการแต่ละชุด หรือรายชื่อกรรมการแต่ละชุด หรืออะไรที่บอกว่านายแพทย์ทั้ง 3 คน ผิดอะไรนั้น เราคงไม่ชัดเจนในการไปโต้แย้งแบบมีเหตุมีผลเท่าไหร่ ทั้งนี้เอกสารที่ส่งมาให้มีการลงในรายละเอียดบางอย่าง แต่บาง

“เอกสารที่เราขอเพิ่ม มีส่วนของรายชื่อด้วย และมติการประชุมด้วย และความเห็นของกรรมการกลั่นกรองแต่ละคนด้วย ซึ่งส่วนนี้มีทั้งขอเพิ่ม และมีในมือแล้ว” นายนรินท์พงศ์ กล่าว.