หายหน้าหายตาจนทำเอาคิดถึงหนักมาก สำหรับ“แต้ว ณฐพร” หลังจากที่แต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มไฮโซอย่าง “ณัย-ประณัย พรประภา” ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าคร่าตาสาวแต้วออกงานสักเท่าไหร่
ล่าสุดในงานเปิดตัวมาสก์ตาข่าย 3D Oligiup 3D Liftting Full Face Net Gel Mask แต้ว ณฐพร ได้มาร่วมงานในฐานะพรีเตอร์พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอัปเดตความหวานหลังแต่งงานพร้อมแพลนเบบี๋ว่าเร็วๆนี้จะมีข่าวดีหรือไม่นั้น โดย แต้ว เผยว่า
“ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ก็ยังทำหน้าที่ภรรยาแล้วก็นักแสดงอยู่ด้วยค่ะ มีสามีมันดียังไงบ้าง แหม (ยิ้ม) ก็ไม่ใช่คนแรกของโลกเนอะ(หัวเราะ) ก็แฮปปี้ค่ะเราก็รู้สึกว่าเราโตไปอีกขั้นนึง ฟูฟีลขึ้น ในพาร์ทของการที่เรามีครอบครัวที่ต้องสร้าง แต่งงานแล้วเหมือนที่คิดไว้ไหม เขาก็ยังน่ารักเหมือนเดิม เราไม่ได้คาดหวังให้เขาดีขึ้นหรืออะไร เพราะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เราต้องจับมือด้วยกันไปนานๆ แต่ก็รู้สึกอิ่มใจ ถ้าให้แชร์ความรู้สึกก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่มีอีกคนที่คอยซัพพอร์ตเราในวันที่เราอยากได้กำลังใจ คอยรับฟังเรา ชีวิตประจำวันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เราก็ได้เรียนรู้การปอกผลไม้ เรื่องเทคนิคมัดใจสามี ไม่มีค่ะ ใครรู้แล้วบอกหน่อย ยังไม่ได้อัพสกิวอะไรอัพหน้าอย่างเดียวเราก็ดูแลตัวเองเพราะว่าแต้วยังมีงานแสดงอยู่ก็เลยต้องดูแลตัวเอง คู่เราก็มีเติมความหวานกันบ้าง“


“เรื่องของเบบี๋ยังมีไม่ได้ ยังต้องถ่ายละคร ถ้ามีแล้วเดี๋ยวจะบอกอยากรู้เหมือนกันว่าจะมีได้ไหม มีวางแผนไว้ คิดคำนวณอายุ มีฝากไข่ไปบ้างแล้ว เราไม่ได้มีกำหนดแน่นอนว่าเมื่อไหร่ จริงๆเรามีปีอยู่ในใจแต่ไม่อยากพูดเพราะไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ถามว่ามีลูกไม่เกินอายุ 40 ใช่ไหม ถ้าอายุเกิน 40 แล้วมีลูกได้ ก็อยากให้เกิน(หัวเราะ) ด้วยอายุของคนเราอาจจะลำบากนิดหนึ่ง ถ้าเกิน 40 ไปมันก็อาจจะยากขึ้น สามีแล้วคนอื่นๆไม่ได้มีใครเร่งอะไรเลย แต่รู้สึกว่าหลายๆเรื่องรอบด้าน มันก็กดดันเรามากพอแล้ว เราก็ไม่อยากเอามาเป็นปัจจัยหนึ่ง เราก็คุยกันชิลล์ๆว่ามีก็ได้ มีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เห็นตรงกันไม่ได้อยากเอาอะไรมากดดัน เราทั้งคู่ชิลๆเดี๋ยวให้หมอดูเป็นคนบอก แล้วก็ให้โชคชะตาพาไปไม่อยากกดดัน”

แต้ว เผยต่อว่า “เราก็ดูดวงแบบปกติดูขำๆ ซินแสก็มีบอกว่าถ้ามีลูกปีนี้ดีแต่เราก็ฟังหูไว้หู จริงๆหมอดูเขาบอกว่าดีมาตั้งนาน แล้วแต่เรายังไม่ได้ เราเลยมองว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันอาจจะไม่เป็นแบบเดียวกัน มีงานให้โฟกัสเราก็ต้องโฟกัสงานค่ะ สามีเค้าก็บอกว่าให้ทำงานไปเลยดีแล้วช่วยกันทำงาน เรายังเป็นแม่บ้านได้ไม่ดีขนาดนั้น เขาก็เลยยังไม่ให้เราเป็น แต่ว่าก็ค่อยๆเรียนรู้ไปค่อยค่อยบาลานซ์เพราะทุกอย่างมันเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา ถามว่ามองเห็นภาพความเป็นแม่ยังไงบ้างเรา ก็ไม่ได้เห็นภาพอะไรเลยเพราะเราก็ยังมีความกลัว แต่ก็มีความคิดว่าคนอื่นเขาเป็นได้ เราก็ต้องเป็นในแบบที่เราคิดว่าเป็นได้ เพราะฉะนั้นเราอาจจะไม่ต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นก็ได้ ก็มีไปซ้อมอุ้มในละครบ้างอุ้มลูกเพื่อนสมมุติว่าเป็นลูกตัวเองบ้าง พอได้ลองไปสัมผัสกับลูกเพื่อนก็รู้เลยว่าเลี้ยงเด็กมันยาก พื้นฐานเป็นคนไม่ได้รักเด็กขนาดนั้นอยู่แล้ว“


ขอบคุณภาพจาก:taewaew_natapohn