สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ว่า ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการที่ศาลการค้าระหว่างประเทศ ที่นครนิวยอร์ก มีคำพิพากษา เมื่อวันพุธ ให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินการภายในเวลา 10 วัน เพื่อระงับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน ที่มีการประกาศกับคู่ค้าแทบทุกแห่งบนโลก เนื่องจากการประกาศดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของประธานาธิบดี ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าผู้พิพากษาเหล่านี้ “ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง”
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวประณาม การที่ “ฝ่ายตุลาการแทรกแซงอำนาจการบริหาร” ของประธานาธิบดี ซึ่งยึดมั่นในการรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐเป็นอันดับแรก และการดำเนินการทั้งหมดเป็นการใช้อำนาจภายในขอบเขตของฝ่ายบริหาร เพื่อจัดการกับ “ภาวะวิกฤติทางการค้า เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของอเมริกา”
ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลระบุว่า สภาคองเกรสเท่านั้น ซึ่งมีอำนาจปรับเปลี่ยน ควบคุม และกำหนดกฎเกณฑ์ด้านการพาณิชย์กับนานาประเทศ การอ้างอำนาจตามกฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ไออีอีพีเอ) ฉบับปี 2520 เป็นการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของประธานาธิบดี
แม้ทรัมป์อ้างว่า การใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน กับคู่ค้าแทบทุกประเทศและดินแดนบนโลก ซึ่งมีการประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นเพราะการค้าของสหรัฐกำลังเผชิญกับ “ภัยคุกคามที่ผิดปกติและแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” แต่ศาลการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า “ไม่เข้าข่าย”
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของทำเนียบขาวยังไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน เกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์ แม้สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า มีการดำเนินการแล้วก็ตาม.
เครดิตภาพ : AFP
