เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายนพดล ธรรมวัฒนะ ผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นตลาดยิ่งเจริญ ในนาม เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางนฤมล ธรรมวัฒนะ และ บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด และบริษัทในเครืออีก 6 บริษัท

นายนพดล กล่าวว่า วันนี้ยื่นฟ้องเพื่อขอให้เพิกถอนมติในที่ประชุมของผู้ถือหุ้น มาจากสาเหตุที่นางนฤมลมีการเรียกประชุมไม่ถูกต้อง โดยไม่มีการประชุมกรรมการกันมาก่อนและใช้โอกาสนี้มีคำสั่งปลดนางสาวคนึงนิตย์ จากการเป็นกรรมการทั้ง 6 บริษัท ซึ่งความจริงแล้วนางสาวคนิงนิตย์ถือหุ้นเท่ากับนางนฤมล หรือเพียงน้อยกว่าหนึ่งหุ้น เนื่องจากถูกนางนฤมลใช้กลฉ้อฉล โอนไปให้ตัวเองทำให้มีจำนวนหุ้นมากกว่า 1 หุ้น ซึ่งคดีกลฉ้อฉลเราได้ยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้วและมีนัดสืบพยานในช่วง ก.ค.นี้

ซึ่งมติการประชุมดังกล่าวไม่ชอบ เพราะวิธีการเรียกประชุมไม่ชอบ  และไม่ส่งหนังสือเชิญประชุมให้กับนายแทนทอง ทั้งที่นายแทนทองก็เป็นผู้ถือหุ้น ถือว่าเป็นการไม่กระทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย เพราะการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้ กรรมการของบริษัทจะต้องเรียกประชุมกรรมการ แต่นางนฤมลไม่มีการเรียกประชุมกรรมการและใช้วิธีประชุมโดยมีสัดส่วนของนางสาวคนึงนิตย์ 1 เสียงและสัดส่วนของนางนฤมล 4 เสียง เป็นการมุบมิบทำไม่ถูกต้อง เราก็ต้องมายื่นร้องศาล

ในส่วนค่าเสียหายจากการกระทำจะต้องมาภายหลังที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว เพราะว่าตอนนี้ก็มีหนังสือส่งมาถึงนางสาวคนึงนิตย์ในเรื่องการตัดผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นกรรมการ โดยเริ่มจากเดือนนี้เป็นต้นไป ก็เชื่อว่าค่าเสียหายตรงนี้จะเป็นจำนวนเงินเดือนละหลายแสนบาท แต่เราเชื่อว่าเมื่อมาฟ้องศาลและผลจากการทำไม่ถูกต้อง และเมื่อหากศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนก็เท่ากับว่าที่นางนฤมลได้ทำไปก็จะเป็นโมฆะ

โดยภายหลังยื่นฟ้อง ศาลแพ่งนัดชี้สองสถาน วันที่ 18 ส.ค. 68 ซึ่งฝ่ายจำเลยก็จะต้องยื่นคำให้การในวันนั้น

“เขามีหนังสือให้นางสาวคนึงนิตย์ ไปเป็นที่ปรึกษาเเทน และให้นางสาวคนึงนิตย์ซึ่งเป็นทายาทผู้ถือหุ้น ไปพบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเพื่อทำสัญญา ซึ่งมันตลก“ นายนพดล กล่าว