ภายใต้หัวขบวน “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ความขัดแย้งในพรรคที่มีมายาวนานและซุกอยู่ใต้พรม ไม่ได้รับการแก้ไข จนเกิดเป็นความบาดหมางภายในพรรค จนยากเกินเยียวยา บรรยากาศเป็นไปตามมีตามเกิด ต่างคนต่างอยู่ แกนนำพรรค สส.ของพรรคแบ่งเป็นกลุ่ม เป็นก๊วน เป็นบ้านเล็ก บ้านใหญ่ ยากที่จะเกิดความ สามัคคี
ปรากฎการณ์ “เสี่ยเฮ้ง” และ สส.พิชชานันท์ ภายใต้เงานายทุน โชว์พลัง สส.ในมือร่วมเฟรมถ่ายภาพ รวมตัวนัดกินข้าว โรงแรมหรูกลางเมือง เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นเนื้อในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายในกำลังระส่ำและวุ่นวาย สั่นสะเทือนระดับสึนามิ จนบรรดาแกนนำในพรรคที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หันกลับมายอมรับความเป็นจริงว่าวันนี้ “พรรคแตกเป็นเสี่ยงรอวันแยกวง” ไม่ใช่ท่องเพียงอย่างเดียว “พรรคไม่มีปัญหาอะไร ขอให้ทุกคนสามัคคี อย่าหวั่นไหว เลือกตั้งรอบหน้ายังมีพรรคอยู่“ ซึ่งสวนทางกับสถานการณ์ความเป็นจริงในตอนนี้
งานนี้จึงไม่แปลกใจที่บรรดาผู้ร่วมเฟรมกินข้าวกลางวัน ออกมาชี้แจงทันที โดย “2 สส.รทสช.” อย่าง “จิรวุฒิ สิงห์โตทอง” สส.ชลบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ “ธนกร วังบุญคงชนะ” สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ระบุว่า “แค่ไปงานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้น และเพิ่งไปเป็นครั้งแรก โดยขอยืนยันว่ายังรักและเคารพพรรคเหมือนเดิม ยืนยันว่าจะไม่ย้ายไปพรรคใด จะขออยู่กับพรรคต่อไปแน่นอนจนจบวาระสมัย สส.นี้“
งานนี้คนใกล้ชิด “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค“ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่าง “เสธหิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกโรงเตือนว่า “สส.แบบเขตเลือกตั้ง มีภาระผูกพันอยู่กับพรรค เพราะตอนเสนอตัวให้ประชาชนเลือกเสนอตัวในนามพรรคจึงควรเคารพมติพรรคและอยู่ในกติกาของพรรคอย่างมีมารยาท หากเมื่อถึงเวลาแล้ว ย่อมเป็นสิทธิของท่านที่จะพิจารณาหาพรรคที่เหมาะสม“
ปัจจัยสำคัญสส.ในพื้นที่ต้องดูแลตัวเองเป็นหลัก ผู้บริหารพรรคเอาแต่นั่งอยู่บนหอคอย เพราะไม่อาจพึ่งพาผู้บริหารพรรคได้เท่าใดนัก ปัญหาจึงกลายเป็นลูกโซ่ งานการเมืองของพรรคไม่มีการปรับตัวเพื่อสู้กับพรรคการเมืองอื่นๆ ส่วนใหญ่เน้นแต่หลักการความเป็นอนุรักษ์นิยมเป็นหลักเท่านั้น จึงทำให้ สส.เลือกที่จะหายใจด้วยจมูกตัวเอง เพื่อสร้างมูลค่าในทางการเมืองแล้วค่อยหาโอกาสย้ายพรรค จึงไม่แปลกใจกับบรรยากาศอีรุงตุงนังภายในพรรคที่เกิดขึ้น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นศึกสนิมเนื้อในล่อกันเลือดสาดออกมานอกจอ แนวรบห้ำหั่นกันเอง เล่นแรงถึงขั้นกดรีโมตจน สส. ย้ายพรรค จากชนวนเหตุที่หมักหมมมานาน จนปัญหากลายเป็นลูกโซ่ท่ามกลางบรรยากาศชวนอึดอัดไม่พอใจกานนำพรรคของหัวหน้าพรรค นำมาซึ่งการเขย่าเปลี่ยนตัวผู้นำและผู้บริหารพรรคบางส่วน จึงต้องจับตาท่าทีต่อจากนี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะนับถอยหลังสู่วันล่มสลายหรือไม่.