ถือเป็นความชัดเจนครั้งแรกของ “นายกฯอิ๊งค์”  น..แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ที่ออกมาพูดเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี “อิ๊งค์ 2” หลังการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.68 โดยยอมรับว่า “อยู่ระหว่างพิจารณาอยู่ในใจ”  และ ในขณะนี้ “ยังไม่ได้คุยกับพรรคภูมิใจไทย” เพราะยังไม่มีการสอบถามไปอย่างเป็นทางการ  ซึ่งสอดรับกับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ที่อยู่ระหว่างการประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติครั้งที่ 8 : Global Platform for Disaster Risk Reduction (GP2025) ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์  ในระหว่างวันที่ 2-6 มิ.ย.68 นี้   

ซึ่งล่าสุด “เสี่ยหนู” ยืนยันมาจาก สวิตเซอร์แลนด์ ว่า “ยังไม่มีการพูดคุยใดๆ เรื่องการปรับครม. จากนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ที่มีอำนาจในการปรับครม.”

จึงเท่ากับว่า กระแสข่าว โผ “ครม.อิ๊งค์ 2” ที่ออกมาเป็นการปล่อยมาจาก “กลุ่มที่จะได้ประโยชน์” จากการปรับ ครม.  ในครั้งนี้ทั้งสิ้น  และเป็นที่น่าสังเกตว่ากระแสข่าวการปรับ ครม. ที่ออกมา ในกระทรวงเกรด A  ที่มีการขยับตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา อาทิ กระทรวงมหาดไทย ที่มีชื่อ ของ “เสี่ยไก่” ประเสริฐ จันทรรวงทอง  จาก รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขยับมาเป็น “ มท.1”  หรือแม้แต่ มีชื่อ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  คัมแบ๊คกลับมานั่ง “รมว.พลังงาน” แทน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  รมว.พลังงาน คนปัจจุบัน นั้น  ทั้ง “ประเสริฐ – สุพัฒนพงษ์” ล้วนแต่เป็นเด็กสายตรง “นายทุน” ทั้งสาย “พลังงาน  สายรถไฟฟ้า “ ที่นั่งประกบซ้าย – ขวา “พ่อนายกรัฐมนตรี”ทั้งสิ้น

โดยปล่อยข่าว รายวัน ทั้ง   “ทุบ – ถีบ – ขย่ม เขี่ย” พรรคภูมิใจไทย  โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ เก้าอี้ “มท.1” ของหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล อันดับ 2 ที่มี สส.อย่างเป็นทางการอยู่ในมือ จำนวน  69 คน

หลังมีการส่งสัญญาณชัดเจนจากปฎิบัติการทวงคืนจาก “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า”  ทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกรัฐมนตรี ที่มี “ใบสั่ง” ให้พรรคเพื่อไทย ดึง “มหาดไทย” คืนมา พร้อมฉะทำงานอืดไม่ถึงพี่น้องชาวบ้าน และที่สำคัญเหลือเวลา 2 ปี จะต้องเร่งปั่นผลงาน ก่อนก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของรัฐบาล เพื่อเร่งผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรม  โดยเฉพาะนโยบาย “เรือธง” ของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตามที่เคยประกาศหาเสียงเอาไว้  ก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง  ที่ “ทักษิณ” จะต้องชนะเลือกตั้งในครั้งหน้าให้ได้

อีกทั้งการปล่อย ให้ “เสี่ยหนู” คุมกระทรวงมหาดไทย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างบารมี และผลงานไว้ค่อนข้างมาก  ด้วยภาพ ติดดิน เข้าถึงประชาชน และ ให้เกียรติข้าราชการทุกระดับ  และจากผลสำรวจโพลที่ออกมาการทำงานของ “เสี่ยหนู”ก็ติดประชาชนชื่นชอบและมีผลงาน อันดับต้นๆ แทบทั้งสิ้น 

ที่สำคัญ “มหาดไทย”  ยังมีกลไกฝ่ายปกครอง ที่สามารถสนองงานการเมืองได้อย่างดีเยี่ยม เพราะ “มท.1” เป็นเสมือนหัวหน้าทีมของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศ   ซึ่งคุมพื้นที่และเขตเลือกตั้ง   ที่ยังมีฝ่ายปกครอง ลดระดับลงไป ตั้งแต่ นายอำเภอ  กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน อบจ. อบตเทศบาล และยังมีหน่วยราชการอื่น ๆที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับส่วนกลาง ก็ล้วนแต่ขึ้นตรงกับ “ผู้ว่าราชการจังหวัด”    

โดยดูได้จาก การได้มาซึ่ง “นายกอบจ. สีน้ำเงิน” หรือแม้แต่หอกข้างแคร่ในใจ “ทักษิณ” อย่าง “สภาสูงสีน้ำเงิน” ที่ในปีนี้จะต้องเลือก องค์กรอิสระ จำนวนมาก

จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้จะมีแรงกระเพื่อมไปที่ “เสี่ยหนู” โดนโยกปรับ ครม. รายวัน มีชื่อเป็นแคนดิเดตทุกกระทรวง ทั้ง  “ศึกษา – พาณิชย์ – พลังงานดีอี สาธารณสุข”   มาครบทุกกระทรวง  ยกเว้น “คมนาคม” ที่รู้ดีว่าเป็นเพียงกระทรวงเดียวที่จะทำให้พรรคภูมิใจไทย ยอมลุกจาก “มท.1”

เป็นการโยนหินถามทาง ที่จะต้องปิดจ๊อบปรับ ครม.  อิ๊งค์ 2” ให้เสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร  ชุดที่ 26  ปีที่ 3 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่หนึ่ง) ในวันที่ 3 ก.ค.นี้  เพราะทันทีที่เปิดสมัยประชุมก็มีวาระร้อนอย่าง ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.. ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ จ่อคิวรออยู่

ดังนั้นต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวการปรับ ครม. “อิ๊งค์2” ที่จะเกิดขึ้น ทันทีที่ “เสี่ยหนู”เดินทางกลับถึงประเทศไทย ในวันเสาร์ที่ 7 มิ..นี้  และต้องดูว่า “พ่อนายกฯ” จะบีบพรรคภูมิใจไทย และยึด “มหาดไทย”  ได้สำเร็จหรือไม่ ??