ศ.ดร.ธานินทร์ ศิลป์จารุ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ มจพ.ได้เปิดศูนย์พัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ และสมาคมการค้าอุตสาหกรรมไทยเซมิคอนดักเตอร์ โดยมี น.ส.ศุภมาศ อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มาเป็นประธานเปิด โดยมจพ.ได้รับคัดเลือกจากอว. ให้ 1 ใน 3 สถาบันการศึกษา ที่เป็นศูนย์พัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมามจพ. ให้ความสำคัญต่อการพัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์ (วัสดุที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างตัวนำและฉนวน เป็นวัสดุที่ใช้ทำอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์) มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551 ได้จัดทำหลักสูตรด้านเซมิคอนดักเตอร์ เตรียมความพร้อมของคณาจารย์และห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง ต่อมาปี 2553 ได้บรรจุรายวิชาด้านการประกอบอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ หรือ IC Assembly ในหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์อุตสาหกรรม และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์วิศวกรรม โดยมจพ. เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีห้องปฏิบัติการประกอบอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์

อธิการบดีมจพ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ มจพ.ยังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมแผ่นวงจรพิมพ์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยปี 2558 ได้บรรจุรายวิชาด้านเทคโนโลยีแผ่นวงจรพิมพ์ ในหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์อุตสาหกรรม จากนั้นปี2561 มจพ. ได้รับการอนุมัติโครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ จากอว. ให้จัดตั้งหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของมจพ. ในการพัฒนาหลักสูตรด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของประเทศ โดยปัจจุบันมจพ. เปิดหลักสูตรเกี่ยวกับด้านเซมิคอนดักเตอร์ ได้แก่ 1.หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมการออกแบบไมโครอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ 2.หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ 3.หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์อุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์ แขนงพิสิกส์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีแผ่นวงจรพิมพ์ 4.หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีแผ่นวงจรพิมพ์ 5.หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาระบบสมองกลฝังตัวและการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปีงบประมาณ 2568 มจพ. มีเป้าหมายในการผลิตกำลังคนสมรรถนะสูง ประมาณ 600-700 คน และจะขยายการผลิตกำลังคนให้ได้ 1,000-1,200 คน ในปีงบประมาณถัดไป