จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ผู้คนห่างหายจากการออกท่องเที่ยวเป็นเวลานาน หลายคนรอคอยเวลาที่สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น จะได้ออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต และหลังจากที่มีการคลายล็อกดาวน์ เราจะเห็นภาพผู้คนออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ หลังจากที่ต้องใช้ชีวิตจำกัดอยู่แต่ภายในบ้าน จนทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ “เที่ยวล้างแค้น” (Revenge Tourism) มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่หลังจากเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวแล้ว อาจต้องเจอกับปัญหาผิวที่เกิดจากการเผชิญทั้งแดด ฝน ฝุ่น และลม จนผิวโทรมคล้ำเสีย ผิวล้าอิดโรย รวมถึงผิวแห้งขาดน้ำ ล่าสุด แพทย์หญิงอณัฏฐ์ชา อัศดามงคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ได้แนะนำ “วิธีฟื้นฟูสภาพผิวหลังกลับจากการเดินทางท่องเที่ยว” ว่า “การเดินทางท่องเที่ยวทำให้เราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ ในแต่ละฤดูที่เราเดินทางไป หากในฤดูหนาวก็จะเจอสภาพอากาศหนาว ความชื้นมากก็อาจจะทำให้ผิวหน้าลอก แดง และมีผดผื่นจากการแพ้อากาศ

หรือในฤดูร้อนก็จะเจอแสงแดดที่ร้อนแรง ความชื้นในอากาศน้อย ทำให้ประสบปัญหาผิวโทรม คล้ำเสีย แห้งกร้าน รวมไปถึงฝ้า กระจุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นหลังกลับจากท่องเที่ยวเราจึงควรฟื้นฟูและบำรุงผิวให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวคล้ำเสียไปมากกว่าเดิม

สำหรับวิธีฟื้นฟูสุขภาพผิวนั้นเริ่มจากการรักษาความสะอาดผิวหน้า ควรงดการใช้โฟมล้างหน้าเพราะโฟมล้างหน้ามีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ซึ่งมีหน้าที่ชะล้างคราบน้ำมันและสิ่งสกปรกบนผิวหน้าของเรา แม้จะช่วยให้ผิวรู้สึกสะอาดหมดจดหลังล้างหน้า แต่ก็ดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีผลทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติทำให้ผิวอ่อนแอต่อภาวะสิ่งแวดล้อมและแสงแดด ง่ายต่อการเกิดริ้วรอยที่สำคัญคือทำให้ผิวที่คล้ำเสีย อักเสบ บวมแดง และแห้งกร้านอยู่แล้วกลับแลดูย่ำแย่ไปกว่าเดิม

ควรเปลี่ยนมาทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil) หรือ คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water) ในช่วงฟื้นฟูผิวหลังออกแดด เพราะสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยละลายคราบไขมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนพร้อมช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติให้กลับมาแข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมบำรุงที่ช่วยให้ผิวขาว แต่ควรเน้นการบำรุงด้วยมอยซ์เจอร์ไรซิ่ง ครีม ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติอย่างน้ำมันรำข้าว (Rice Bran Oil), เชีย บัตเตอร์ (Shea Butter) หรืออีฟนิงพริมโรส (Evening Primrose) เพื่อรักษาสมดุลความชุ่มชื้นให้กับผิวไม่ให้แห้งไปมากกว่าเดิม

ควบคู่ไปกับการมาส์กหน้าด้วยโคลนธรรมชาติอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อดีท็อกซ์และปลอบประโลมผิว ให้ผิวค่อยๆ ฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติ โดยสามารถสครับผิวเพื่อกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้ ควรเลือกเนื้อสครับชนิดที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เราสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารอย่างผัก และผลไม้เน้นชนิดที่รสไม่หวานมากให้ได้อย่างน้อยวันละครึ่งกิโลกรัม

เนื่องจากในผักผลไม้จะมีวิตามินซีตามธรรมชาติและไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) ช่วยบำรุงผิวพรรณที่หมองคล้ำดำโทรมจากการตากแดดให้ฟื้นตัวกลับมาแลดูสดใส รวมถึงการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 2 ลิตร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากเพิ่มระบบการเผาผลาญแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตกลูตาไธโอน (Glutathione) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ (Anti-oxidant) รวมถึงยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ในการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ช่วยให้ผิวกลับมาเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา”..

ขอบงคุณข้อมูลและภาพประกอบ : Pixabay, ธัญ