เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกันแถลงจับกุมนายซุอิชิ โอซาวา อายุ 42 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันผลิตเครื่องมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากติดตามจับได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านเพลินจิต เขตปทุมวัน

พ.ต.อ.เนติ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ได้เข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งบริเวณหมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบกล่องบรรจุถุงมือยางทางการแพทย์ จำนวนกว่า 1 หมื่นกล่อง พบถุงมือยางที่รอบรรจุมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า โกดังหลังดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ จึงสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับกุมนายซุอิชิ กรรมการบริษัทฯ และเจ้าของโกดังดังกล่าว ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 350/2564 ลง 6 พ.ย.64 ฐาน “ร่วมกันผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้จดทะเบียนสถานประกอบการและผลิตเครื่องมือแพทย์ปลอม” ตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2562

พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 11 พ.ย. ตำรวจ บก.ปคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. สามารถจับกุมตัวนายโอซาวา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ดำเนินคดี และในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม น.ส.ศุภนิดา สงวนนามสกุล อายุ 24 ปี ภรรยาของนายซุอิชิตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง” มักมีพฤติการณ์หลอกขายถุงมือยางที่ไม่ได้คุณภาพ หรือจัดส่งถุงมือยางที่ไม่ครบตามจำนวนให้กับผู้เสียหาย โดยมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินซื้อถุงมือยางมูลค่าความเสียหายเกือบ 4 ล้านบาท จากนั้นจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดี

ต่อมาในวันที่ 12 พ.ย.ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับ สภ.ห้วยใหญ่ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจค้นตู้คอนเทเนอร์จำนวน 6 ตู้ ที่ลานฝากตู้คอนเทเนอร์ ย่าน ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบถุงมือยางปลอมรวมจำนวนกว่า 10 ล้านชิ้น ตรวจสอบพบว่าเป็นของนายซุอิชิด้วยเช่นกัน จึงตรวจยึดอายัดของกลางดังกล่าว และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวว่า หลังจากมีการจับกุมนายซุอิชิ ดำเนินคดีตามกฎหมายเเล้ว ต่อมาทาง บก.ปอศ. ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในสารบบพบว่า นายซุอิชิ มีพฤติการณ์หลอกขายถุงมือยางทางการแพทย์ให้กับชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนหลายราย มีผู้เสียหายซึ่งเป็นบริษัทในสวิตเซอร์แลนด์ ได้รับความเสียหายไปเป็นเงินกว่า 180 ล้านบาท และผู้เสียหายซึ่งเป็นบริษัทในสหรัฐอเมริกา ได้รับความเสียหายไปเป็นเงินกว่า 88 ล้านบาท โดยผู้เสียหายทั้ง 2 บริษัท ได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้ที่ บก.ปอศ. และศาลได้ขออนุมัติหมายจับไว้แล้ว ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.577/2564 ลงวันที่ 12 พ.ย.64 และหมายจับของศาลอาญา ที่1916/2564,1917/2564 ลงวันที่ 12 พ.ย.64 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้จดทะเบียนสถานประกอบการ, ร่วมกันผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันผลิตเครื่องมือแพทย์ปลอม

ต่อมาวันที่ 13 พ.ย. หลังจากที่นายซุอิชิ ได้รับการประกันตัวจากการถูกจับกุมในคดีก่อนหน้า ตำรวจ บก.ปอศ. จึงได้สืบสวนติดตามจับกุมนายซุอิชิ ตามหมายจับของ บก.ปอศ. อีก 2 หมายจับ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณซอยจอมเทียน 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังจากนั้นจึงได้นำตัวนายโอซาวา ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า นายซุอิชิ มีบัญชีเงินฝากที่มีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้กับคนใกล้ชิดและครอบครองรถยนต์หรูไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้พฤติการณ์ในการหลอกลวงขายถุงมือยางของนายซุอิชิ มักจะกระทำผิดในรูปแบบเดียวกันเป็นจำนวนหลายครั้ง ฉวยโอกาสในช่วงขาดแคลนถุงมือยางในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์จำนวนหลายคดี มีบางคดีที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติยื่นฟ้องต่อศาลเอง นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายซุอิชิ รวมมูลค่าความเสียหายแล้วประมาณ 286 ล้านบาท

สอบสวนผู้ต้องหายังให้การภาคเสธว่า ตนถูกฉ้อโกงมาอีกทอด และยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าอันดับต้นๆ ในประเทศญี่ปุ่นมาก่อน เข้ามาทำอาชีพสอนภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่นในพื้นที่ภาคอีสานในประเทศไทยได้ประมาณ 3 ปี จนช่วงโควิด-19 โรงเรียนปิดตัวลงไป ทำให้อาศัยช่วงนี้ในการผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ทางการแพทย์โดยเฉพาะถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐานออกจำหน่าย

ด้านนายภูมิธเนษฐ์ อภิชาติภูวนาถษ์ ตัวแทนบริษัทผู้เสียหายจากสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2563 ได้ติดต่อสั่งซื้อถุงมือยางจำนวนมาก มูลค่า 900 ล้านบาท กับทางผู้ต้องหา พร้อมวางมัดจำก่อนเป็นเงินจำนวน 180 ล้านบาท และจะจ่ายส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อได้ถุงมือยางครบตามจำนวน แต่เมื่อถุงมือยางสินค้าลอตแรกจำนวน 1 หมื่นกล่องส่งมา กลับพบว่าเป็นถุงมือไม่ได้คุณภาพ จึงสอบถามกลับไปยังผู้ต้องหา แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงก่อนตัดขาดการติดต่อหนีหายไป จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ซึ่งส่งผลให้บริษัทของตนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงนำเรื่องเข้าแจ้งความจนนำมาสู่การติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว.