เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 10 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยมีการปฏิบัติงานร่วมกันและมีการพูดคุยในหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาก็ค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี รวมถึงการคุยกันระหว่างกระทรวงและทุกหน่วยงานทั้งไทยและกัมพูชา ซึ่งตนก็ได้มีการพูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็มีการประสานงานกัน มีการเจรจาเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา เราสามารถเจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่มีการปะทะกันที่รุนแรง
นายกฯ กล่าวต่อว่า มีการปรับกำลังพลในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทให้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ส่วนบริเวณพื้นที่อื่นๆ ยังมีกำลังพลตามเดิม ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ได้เน้นย้ำในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย. นี้ โดยมีการคอนเฟิร์มในทุกระดับ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ระดับนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันวันที่ 14 มิ.ย. นี้ มีการประชุมเกิดขึ้นแน่นอน
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ได้มีการกำชับมาตรการชายแดนต่างๆ ให้มีการเปิด-ปิด ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไม่ได้มีการปิดด่านถาวรตามที่มีข่าวลือออกมา เพราะทราบดีว่าพื้นที่ตรงนั้นมีการค้าขายระหว่างประเทศ ถ้าปิดด่านถาวรจะส่งผลเสียต่อประชาชน ฉะนั้นก็มีมาตรการรัดกุมในเรื่องของเวลาเปิด-ปิดด่าน และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ได้มีส่วนในการเจรจราในครั้งนี้ และสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยสันติวิธี รัฐบาลขอยืนยันอีกครั้ง การเจรจาทั้งหมดนี้ผ่านไปด้วยดี และขอเน้นย้ำว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า นายกฯ ให้ความมั่นใจได้ใช่หรือไม่ว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น นายกฯ กล่าวว่า “ค่ะ“
เมื่อถามต่อว่ามีความมั่นใจกับท่าทีสมเด็จฮุน เซน แค่ไหน หลังออกมาโพสต์ข้อความที่มีนัยเชิงลบ และการขยับกำลังไม่ได้เป็นการถอย เหมือนการนอนอยู่แล้วเปลี่ยนท่า นายกฯ กล่าวว่า คำว่าถอยทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากใช้คำนี้ เราใช้คำว่าปรับกำลัง เพราะเราปรับกำลังทั้งคู่ เป็นการให้เกียรติกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่แค่กัมพูชาอย่างเดียว แต่ของเราก็ปรับกำลังเช่นกัน การที่เขาบอกว่าพร้อมรับมือ เราก็พร้อมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปะทะในแบบไหน เราต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน เรามีความจริงใจแบบนี้ ไม่ต้องการเห็นคนทั้งสองประเทศมีปัญหากัน เราต้องการความสงบ ตอนนี้เราเร่งเครื่องเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า ไม่อยากให้มาเป็นสนามรบหรืออะไร
เมื่อถามอีกว่าหนึ่งในข้อเสนอคือการให้ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกให้เป็นสากล และยกเลิกเอ็มโอยู 43 เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาหลังเกิดความขัดแย้งครั้งนี้เลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราขอพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป เหมือนที่เรายืนยันกับทางกัมพูชา ว่าเราขอโฟกัสที่เรื่องข้อพิพาทก่อน ไม่ใช่เอาทุกเรื่องมาปนกันหมด ไม่อย่างนั้นจะไม่ชัดเจนในแต่ละหัวข้อ แต่ทุกเรื่องที่มีปัญหาหรือว่ายังไม่จบ รัฐบาลและฝ่ายบริหารต้องพิจารณาอยู่แล้ว ย้ำว่าแก้ทีละปมทีละจุด.