นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ของผู้ประกอบการรายที่ 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ทอท. ต้องไปดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 จากนั้นจะจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) และจัดรับฟังความคิดเห็น และความสนใจของภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Market Sounding) ก่อนจะออกประกาศเชิญชวน และให้เอกชนผู้สนใจยื่นซองเอกสารเข้าร่วมการประมูลต่อไป

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า คาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูล และเสนอกระทรวงคมนาคม รวมถึง ครม. พิจารณาได้ประมาณ พ.ย.-ธ.ค. 2568 และลงนามสัญญากับผู้ชนะได้ประมาณเดือน ก.พ.-มี.ค. 2569 โดยหลังจากนั้นผู้ชนะการประมูลจะใช้เวลาในการเตรียมพร้อมการดำเนินงานในด้านต่างๆ เพื่อเข้าประกอบการ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้ประกอบการรายที่ 2 เข้ามาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้การขนส่งสินค้าภายใน ทสภ. มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากต้องมีการลงทุนเทคโนโลยีใหม่และมีการนำ AI เข้ามาใช้ จึงทำให้ศักยภาพการรองรับการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ 2 ราย ที่ให้บริการอยู่ที่ ทสภ. สามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้ประมาณ 1.7 ล้านตันต่อปี หากมีรายที่ 3 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการประมูล จะทำให้สามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้รวมประมาณ 2.2 ล้านตันต่อปี แต่เมื่อผู้ประกอบการรายที่ 2 ที่เป็นรายใหม่ และนำ AI เข้ามาใช้ จะทำให้การรองรับขนส่งสินค้าของ ทสภ. ในภาพรวมได้เป็นประมาณ 2.7 ล้านตันต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนให้บริการคลังสินค้า ณ ทสภ. ของผู้ประกอบการรายที่ 2 มีมูลค่าโครงการรวม 15,253 ล้านบาท ซึ่งจะคัดเลือกเอกชนมาร่วมลงทุนทดแทนผู้ประกอบการรายที่ 2 เดิม คือ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด ซึ่งจะหมดสัญญาในเดือน ต.ค. 2569