เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 13 มิ.ย. 68 ที่ จ.อุบลราชธานี นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาออกหลายมาตรการ จากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา จะมีมาตรการรับมืออย่างไร​ ว่า เขาออกมาตรการอะไรมา ก็ถือว่าเป็นเรื่องของเขา แต่หากถามว่ามาตรการเหล่านี้มีอะไรที่เราเดือดร้อนหรือไม่ ตนคิดว่าไม่มี อย่างการไม่ใช้ไฟหรืออินเทอร์เน็ตของเรา เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หรือการไม่ได้ดูละครไทย ตนมองว่าคนไทยก็ไม่เดือดร้อน ซึ่งการไม่ใช้ของไทย ก็อาจจะทำให้เขาต้องซื้อของแพงมากขึ้น เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่เป็นสินค้าไทย ทั้งนี้ เราคิดว่าเราอยู่กันด้วยการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา แต่หากเขาปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ เราก็คงห้ามอะไรเขาไม่ได้ แต่สักพักก็คงดีขึ้น

นายอนุทิน​ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ และมองว่าเป็นโอกาสให้คิดใหม่ว่าจากนี้ไป เราควรจะต้องขยายโอกาสทางการตลาด อย่าไปผูกอะไรกับใครคนใดคนหนึ่ง และหากส่วนนี้เสียหายไป ก็ขอเชิญชวนคนไทยเร่งอุดหนุนคนไทย ซื้อสินค้าของเราบริโภคมากขึ้น หรือลดการใช้สินค้าจากต่างประเทศ หันมาอุดหนุนสินค้าไทยให้มาก ตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 วัน เพื่อแสดงพลัง ความรักชาติ ขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ไปเที่ยวงานโอทอปไปดูสินค้าไทย​ หัตถกรรม ที่สำคัญคือได้อุดหนุนคนไทย นี่เป็นช่วงเวลาที่ดี ยิ่งตอนนี้โดนขู่มาว่าลูกค้ารายหนึ่งจะไม่ซื้อของไทย คนไทยก็แสดงพลังไปซื้อสินค้าไทยให้เห็นๆ กันไปเลย ที่งานโอทอป ซึ่งจัดที่อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี

เมื่อถามถึง ส่วนที่กัมพูชาจะไม่ซื้อไฟฟ้ากับทางการไทย ในฐานะผู้มีอำนาจสั่งการ และควบคุมดูแลเรื่องไฟฟ้า จะมีมาตรการเชิงรุกอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเขาไม่ซื้อ เราก็ไม่ต้องปิด ซึ่งก็ดี แต่ถ้าฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายทหารแจ้งมาว่าให้ตัดไฟ กระทรวงมหาดไทย มีความพร้อมอยู่แล้ว พร้อมทำทันที เพราะเหตุการณ์นี้ไม่เหมือนกับสถานการณ์ประเทศเมียนมา ที่มีเรื่องของสัญญาระหว่างบริษัท เราขายให้บริษัทและบริษัทก็ไปขายต่อ เพราะฉะนั้น การตัดจึงต้องตัดหลายช่วง แต่ในส่วนของกัมพูชาเป็นเรื่องรัฐต่อรัฐ มีข้อกำหนดว่าหากเกิดเหตุการณ์ แล้วมีข้อสั่งการมาจากฝ่ายความมั่นคง เราสามารถหยุดการจ่ายไฟได้ โดยเป็นการตัดที่ซัพพลาย เพราะไฟฟ้าไม่สามารถเดินในอากาศได้ ต้องผ่านสายส่ง หากเราบล็อกตรงเกตเวย์สวิตช์บอร์ดก็ไม่สามารถไปต่อได้

เมื่อถามว่า อยากให้กำลังใจนายกฯ อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ให้กำลังใจกันมานานแล้ว และให้กำลังใจคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเขตชายแดนติดกับเพื่อนบ้าน

เมื่อถามว่า ที่พูดบนเวทีดูท่าขึงขังว่าพร้อมรบ นายอนุทิน กล่าวยอมรับว่า “ก็แน่นอนสิ  มีตรงไหนที่เราไม่พร้อมล่ะ แต่ถ้าเราหลีกเลี่ยงการปะทะได้ การรบมันเกิดความเสียหายมากที่สุดอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นรัฐบาล ก็ต้องหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องมีความพร้อมเท่านั้นเอง”

ส่วนกรณีการเปิดด่านให้นักเรียนกัมพูชาที่มาเรียนในไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับประชาชน นักเรียนที่มาเรียนในประเทศไทยก็ยังเรียนได้ตามปกติ คนไทยที่ไปทำงานในกัมพูชา ก็ได้รับคำยืนยันจาก รมว.มหาดไทยกัมพูชา ว่าไม่ได้ผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น และยังห่างไกลเรื่องที่จะต้องให้คนไทยกลับประเทศ

เมื่อถามถึง การประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย. นี้ ชาวบ้านก็ยังหวั่นใจ นายอนุทิน กล่าวว่า JBC ก็มีกรอบของเขา คนที่จะไปเป็นตัวแทนประเทศไทย ก็ต้องได้รับนโยบายและข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี  รมว.กลาโหม และ รมว.การต่างประเทศ ส่วนกระทรวงมหาดไทย ปิดแนวหลังไว้ ให้ดูแลตามที่นายกฯ บอก มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว เมื่อทหารดูแลแล้ว ส่วนในบ้านมหาดไทยจะดูแลให้เกิดความปลอดภัยดูเรื่องคุณภาพชีวิตให้ดี

ทั้งนี้ นอกวงสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายอนุทิน ว่า เคยชมละครของทางกัมพูชาบ้างหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่เคยดูเลย ตอนเด็กๆ ดูเรื่อง “งูเก็งกอง” พร้อมขออย่าเพิ่มประเด็นความขัดแย้ง เราต้องลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด แต่เราก็ไม่ยอมที่จะเสียเปรียบหรือเสียอธิปไตยใดๆ ทั้งสิ้น เพราะการเสียอธิปไตยไม่มีอยู่ในหัวของฝ่ายทหารหรือฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครอง แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว