จากกรณีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกันเข้าตรวจค้นและจับกุม พ.ต.อ.หญิง (พญ.) อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือ หมอแอร์ และพวกรวม 7 ราย ข้อหา ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ หลังพบข้อมูลว่ามีการสวมชื่อ 11 คลินิก สั่งยาอัลปราโซแลม พร้อมตรวจยึดของกลางประเภทยานอนหลับกว่า 1 แสนเม็ด ต่อมาเจ้าหน้าที่มีการเข้าตรวจค้นคลินิก 11 แห่ง ที่มีความเชื่อมโยงกับหมอแอร์ ในการสั่งจ่ายยาดังกล่าว กระทั่งวันที่ 11 มิ.ย. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ฝากขังศาลอาญารัชดาภิเษก ผัดที่หนึ่ง รวม 12 วัน (11 มิ.ย. 68-22 มิ.ย. 68) ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนี และยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ขณะที่หมอแอร์ไม่ได้มอบอำนาจให้นายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความ ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาลแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงคุมตัวหมอแอร์ ไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. นายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความของ พ.ต.อ.หญิง (พญ.) อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือหมอแอร์ เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางเข้าเยี่ยมหมอแอร์ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเป็นการเยี่ยมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เนื่องจากหมอแอร์ยังอยู่ระหว่างกระบวนการกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 5 วัน ตามมาตรการของเรือนจำฯ ซึ่งสภาพจิตใจที่ผ่านมาของหมอแอร์ ต้องยอมรับว่ามีอาการช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยเรื่องคดี ยังไม่พร้อมที่จะให้คำตอบ แต่ก็ได้มีการยอมรับบางส่วน ว่าทำไปโดยคิดสั้นไปเล็กน้อย แต่ขณะที่บางส่วนที่หมอแอร์ไม่ได้เกี่ยวข้อง ก็ต้องบอกว่าไม่เกี่ยวข้องจริง ๆ ก็ต้องปฏิเสธให้การแล้วค่อยชี้แจงเพื่อต่อสู้คดี อย่างไรก็ดี หมอแอร์มีใบหน้าเริ่มสดชื่นขึ้นบ้างแล้ว ยิ้มบ้างแล้ว สงบลง ผิดกับตอนที่ถูกควบคุมตัวระหว่างกระบวนการสอบสวน ตอนนั้นคุณหมอค่อนข้างมีอาการเหม่อลอย จำอะไรไม่ค่อยได้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าให้การอะไรไปบ้าง รวมถึงเมื่อตนได้อธิบายหลักการการต่อสู้คดีให้หมอแอร์รับฟัง เจ้าตัวก็เข้าใจดี อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หมอแอร์มีความห่วงใยต่อลูก ตนจึงได้บอกไปว่า คุณแม่ของหมอแอร์ได้คอยมาดูแลให้แล้ว ขอให้หมอแอร์ไม่ต้องเป็นกังวล ทุกคนไม่ได้โกรธอะไร ทุกคนพร้อมให้อภัย และอยากให้หมอแอร์กลับมา

ทนายนิติศักดิ์ เผยอีกว่า ตนได้สอบถามถึงเรื่องกรณีที่ข่าวมีการนำเสนอว่ามีชื่อผู้เสียชีวิต จำนวน 370 ราย ถูกสวมในเอกสารไปรับยา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยทางหมอแอร์มีอาการตกใจ และได้บอกกับตนว่า ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะในหลักการทำงานแล้วเมื่อมีคนเอารายชื่อมาใช้สั่งยา คุณหมอก็สั่งจ่ายให้ แต่ตนมองว่ามันก็ผิดระเบียบ เพราะการที่หมอจะสั่งจ่ายยา ก็ต้องตรวจคนไข้ก่อน ตนจึงได้ถามว่าปกติแล้วการสั่งยา คนไข้ต้องมารับยาด้วยตัวเองหรือไม่ หมอแอร์ก็ชี้แจงกับตนว่า หากเป็นลูกค้าประจำที่เชื่อใจกัน ก็สามารถสั่งกันผ่านทาง Line ก็ได้ หรือโทรศัพท์มาหาเพื่อให้มีการจัดส่งให้ก็ได้ ตนจึงมองว่าถ้าอย่างนั้นในเรื่องดังกล่าวนี้ จะเก็บไว้คุยในภายหลัง เพื่ออยากให้คุณหมอได้พร้อมก่อนที่จะให้ข้อมูล และตนก็ยังไม่รู้เนื้อหาภายในสำนวน ว่ารายชื่อของคนตาย 370 ราย ที่มีการนำเสนอคืออย่างไรบ้าง อีกทั้งในเรื่องของการยื่นประกันตัวชั่วคราวนั้น ตนได้อธิบายนำเสนอมุมมองไปยังหมอแอร์แล้วว่า เนื่องด้วยกระแสข่าวที่ออกไปขนาดนี้ มันอาจจะเป็นเรื่องยากสักนิด คุณหมออาจจะต้องอยู่ด้านในสักพัก ซึ่งคุณหมอก็เข้าใจ และให้คำมั่นว่าอยู่ได้ ปรับตัวได้ อีกทั้งด้วยความที่เจ้าพนักงานตำรวจได้มีการคัดค้านการประกันตัวไว้ในชั้นสอบสวน มองว่าหากยื่นประกันตัวก็คงไม่ได้ ตนจึงเสนอแนะไปว่าอยากให้ทางตำรวจได้มีการสรุปสำนวนส่งไปยังชั้นพนักงานอัยการให้เรียบร้อยก่อน หรือจนถึงขั้นพนักงานอัยการสั่งฟ้องต่อศาล เราจึงค่อยคิดเรื่องขอยื่นคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาลแทน อาจถึงขั้นตอนของการตรวจพยานหลักฐานนัดแรกเลยก็ได้ เพราะเราต้องประเมินการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจด้วยว่า ถ้าหากตำรวจยังมองว่าต้องไปตรวจค้นสถานที่ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องเพิ่มเติม แล้วหากไปเจอพยานหลักฐานพยานวัตถุใด การยื่นขอประกันตัวคุณหมออาจเป็นเรื่องยาก เพราะมันจะไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ทั้งนี้ ครอบครัวของหมอแอร์และหมอแอร์เองเข้าใจในส่วนนี้แล้ว

ย้อนรอย10ปี! ‘หมอแอร์-ไฮโซตั๋ม’ ที่มาวลีเด็ด ‘ไม่ต้องแอ๊บแบ๊ว คนเขาดูออก’

“ตอนนี้หมอแอร์ยังไม่ได้มีการมอบหมายให้ตนไปดำเนินการรวบรวมเอกสารที่จะมาใช้ในการต่อสู้คดี หรือไปประสานกับบุคคลภายนอกรายใดที่จะสามารถมาเป็นผู้ยืนยันชี้แจงให้ โดยคาดว่าในวันอังคารที่ 17 มิ.ย. ตนจะเดินทางเข้าไปเยี่ยมหมอแอร์ในช่วงเช้า เพื่อจะได้หารือถึงประเด็นรูปคดี และสิ่งที่จะใช้ในการต่อสู้คดีหลังจากนี้ หากหมอแอร์มีเอกสารตรงไหนที่อยากใช้ ตนก็จะได้ไปรวบรวมหามาให้ ระหว่างนี้จึงให้หมอแอร์ได้ทบทวนตัวเองก่อน จะได้จับต้นชนปลายถูก” ทนายนิติศักดิ์ ระบุ

ทนายนิติศักดิ์ เผยต่อว่า สำหรับวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 ที่หมอแอร์เข้าไปเกี่ยวข้องในสำนวนของตำรวจนั้น จริง ๆ แล้วยาทุกตัวที่หมอแอร์สั่ง เป็นการสั่งในฐานะแพทย์ ซึ่งสามารถสั่งได้อยู่แล้ว เพราะเป็นยาคลายเครียดที่ให้ผู้ป่วย บางคนที่มีการจำหน่ายไปก็เป็นผู้ป่วยเก่าของหมอแอร์เองที่เคยรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจแล้วตามไปรักษาต่อที่คลินิก แต่ปัญหาหลัก คือ อาจเป็นเรื่องของรายชื่อผู้เสียชีวิต เพราะคุณหมอสั่งในนามหลายคลินิก จึงอาจเป็นเรื่องที่คุณหมอประมาทไป แล้วเป็นการสั่งที่จ่ายเงินออกจากบัญชีคุณหมอเพียงคนเดียว เส้นทางการเงินเลยพบความผิดปกติ ว่าเหตุใดหมอเพียงคนเดียวทำไมสั่งทุกคลินิก และการสั่งยายังมีปริมาณเยอะด้วย นอกจากนี้ หากเรื่องเป็นการยุติในภายภาคหน้าว่าคุณหมอมีการสั่งยา แล้วไม่ได้จำหน่ายให้ผู้ป่วย แต่จำหน่ายให้บุคคลภายนอก และบุคคลภายนอกเหล่านั้นมีการไปจำหน่ายต่อ จึงทำให้จำนวนยาที่เยอะเหล่านี้มีปัญหา ทั้งนี้ ในทางสำนวนการสอบสวนอาจมองว่าในการจำหน่ายยาให้ผู้ป่วย อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาปริมาณขนาดนั้นหรือไม่ จึงมีการสันนิษฐานได้ว่าในฐานะที่เป็นแพทย์ ย่อมรู้หรือควรรู้ ว่าจะสั่งยาในปริมาณเยอะขนาดนั้นได้ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการนำไปจำหน่ายต่อ แล้วในฐานะแพทย์เองเป็นการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่ เพราะสมมุติฐานทางกฎหมายมักจะเป็นไปในลักษณะนี้

ส่วนประเด็นเรื่องที่มีการนำเสนอข่าวว่ามีเงินเกี่ยวข้องกับหมอแอร์ถึง 400 ล้านบาทนั้น ทนายนิติศักดิ์ ยืนยันว่า หมอแอร์ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ตอนสอบถามหมอแอร์ถึงเรื่องดังกล่าว หมอแอร์ก็มีอาการตกใจ ว่าเป็นเงินที่ไหนอย่างไร ถ้าเป็นหลัก 10 20 คงจะใช่อยู่ เพราะการที่มีการเปิดคลินิกขึ้นมาตั้งแต่ปี 65-67 การสั่งยาในราคา 10-20 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในจำนวน 11 คลินิก แต่ถ้าบอกว่า 400 ล้านบาท หมอแอร์จึงหัวเราะออกมา แล้วบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ซึ่งตนก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าตัวเลขจะเป็นไปขนาดนั้น.