รศ.สมบูรณ์ ตาสนธิ ผอ.หลักสูตรพุทธศาสตร์บัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา, หลักสูตรประกาศนียบัตรวิปัสสนาภาวนา (ป.วน.) และหลักสูตรประกาศนียบัตรพระไตรปิฎกศึกษา (ป.ตศ.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางหลักสูตรได้จัดโครงการปฏิบัติธรรม “วิปัสสนานวัตกรรม” ระหว่างวันที่ 9-15 มิ.ย. ณ วัดพระธาตุจอมกิตติ ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน โดยมีพระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตฺติโสภโณ) เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดหมายในการสร้าง “นวัตกรพระไตรปิฎก” และ “วิปัสสนานวัตกร” ผู้เข้าร่วมโครงการต้องเจริญสมาธิภาวนาอย่างเคร่งครัด โดยได้รับการนำจาก พระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 2 ในการสมาทานวิปัสสนากัมมัฏฐาน นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากสถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา 300 ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่การปฏิบัติกรรมฐานตามแนวทางของสมเด็จพระญาณวชิโรดม หรือ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโรด้วย ส่วนวันที่ 14 มิ.ย. มีการถวายศาลาประดิษฐานรูปหล่อ สมเด็จพระญาณวชิโรดม และครูบาชุ่ม โพธิโก การถวายผ้าป่ากองทุนการศึกษาประกาศนียบัตรพระไตรปิฎกศึกษาและวิปัสสนาภาวนามหาบัณฑิต พิธีมอบทุนการศึกษาแก่ผู้ศึกษาและวิจัยทางการศึกษาด้านพระไตรปิฎก พร้อมทั้งจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย

รศ.สมบูรณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรพระไตรปิฎกศึกษา (ป.ตศ.) และหลักสูตรวิปัสสนาภาวนาของ มจร เชียงใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายในการเผยแผ่พระธรรมในยุคสมัยใหม่ โดยมุ่งเน้นการสร้าง “นวัตกรพระไตรปิฎก” ที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ฐานข้อมูลดิจิทัล, การสังเคราะห์เสียงปาฬิ เพื่อถ่ายทอดพระไตรปิฎกให้เป็นสากล เข้าถึงผู้คนทุกเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมทั่วโลก รวมถึง “วิปัสสนานวัตกร” ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานวิชาการและนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ต่อประชาคมโลก ผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะการสื่อสารเชิงพุทธที่สร้างสรรค์ เข้าใจบริบททางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อป้องกันการตีความพระสัทธรรมที่คลาดเคลื่อน และสร้างสรรค์สื่อใหม่ๆ ที่คงเนื้อหาดั้งเดิม แต่เข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสื่อดิจิทัล, นิทานธรรมะ, สื่อศิลปะ, หรือกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ

“ทั้งสองหลักสูตรดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุน มจร เชียงใหม่ ให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งการสร้าง “นวัตกรธรรม” ผู้ขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาให้มั่นคงและแพร่หลายในสังคมโลก ด้วยการผสานความรู้จากพระไตรปิฎก การปฏิบัติวิปัสสนา และนวัตกรรมสื่อสารยุคใหม่ เพื่อสร้างสรรค์สังคมแห่งปัญญาและสันติสุขอย่างแท้จริง” รศ.สมบูรณ์ กล่าว