รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงาน ได้ให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด หลังจากเกิดเหตุการโจมตีระหว่างอิสราเอล และอิหร่านระลอกใหม่ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน โดยเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. หลังจากการโจมตีทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งขึ้นทันทีมากกว่า 10% ต้องจับตาดูว่า สถานการณ์จะบานปลายไปอย่างไร
ทั้งนี้หากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ที่เป็นไปตามกลไกตลาดโลก มีทิศทางปรับขึ้นได้ จากล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้นไปแล้วลิตรละ 40 สตางค์ จากที่ผ่านมาราคาทรงตัวมาสักระยะหนึ่ง แต่ในส่วนราคาน้ำมันดีเซล ยังเชื่อว่า ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังสามารถให้อยู่ในกรอบที่กระทรวงพลังงาน กำหนดไว้ไม่เกินลิตรละ 32 บาทได้ ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดได้ต่อไป
สำหรับฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 8 มิ.ย. ยังมีหนี้เงินกู้อยู่ที่ 55,277 ล้านบาท จากยอดเงินกู้รวมทั้งหมด 105,333 ล้านบาท โดยสถานกองทุนน้ำมัน มียอดติดลบสะสมเหลือที่ 38,083 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้จากก๊าซแอลพีจี ติดลบ 44,624 ล้านบาท ส่วนบัญชีน้ำมันเป็นบวกอยู่ที่ 6,541 ล้านบาท แต่ยังมีกระแสเงินสดของกองทุนฯ เหลือประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการเก็บเงินเข้ากองทุนในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลง เพื่อลดภาระหนี้สิน และเตรียมสำรองไว้สำหรับช่วงที่ราคาผันผวน