เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ด่านบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ยังคงเปิดให้ประชาชนข้ามผ่านแดนตามปกติ ยกเว้นรถขนส่งสินค้าทางการเกษตร ที่ยังไม่ให้เข้าออก ขณะที่การข้ามผ่านแดนของชาวกัมพูชาพบว่า มีชาวกัมพูชาผ่านแดนเข้าออกกันตั้งแต่ประตูเปิดเมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาปรับเปิด-ปิดด่านใหม่ เนื่องจากยังมีแรงงานชาวกัมพูชาบางส่วนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยชาวกัมพูชาจำนวนมาก พากันขนข้าวของเครื่องใช้ มีทั้งเครื่องซักผ้า พัดลม กระทั่งตู้เย็น เดินข้ามพรมแดนกลับประเทศ แรงงานบางรายนำสิ่งของข้ามกลับไปฝากให้ญาตินำกลับบ้าน ก่อนเดินทางกลับเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าด่าน กล่าวว่า ที่จุดผ่านแดนบ้านผักกาด สถานการณ์โดยรวมจะมีแรงงานชาวกัมพูชาเดินทางเฉลี่ย 400-600 คนต่อวัน เพื่อข้ามไปมาและกลับบ้าน แต่จะให้ใช้วิธีเดินเท้าแบกสิ่งของ หรือใช้รถเข็นเข็นข้ามผ่านแดน ส่วนรถบรรทุกหรือรถที่ต้องใช้ขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ทางกัมพูชายังไม่อนุญาตให้ผ่านข้ามไป เช่นเดียวกับฝั่งไทย ที่มีการใช้มาตรการไม่รับหรือให้นำเข้ามาใช้ด้วยเช่นกัน

ส่วนสถานการณ์จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิตร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยเมื่อช่วงเวลา 08.00 น. ทางฝั่งไทยได้ทำการเปิดประตูเหล็กประตูใหญ่ตามเวลาที่กำหนด บรรยากาศโดยรวมบริเวณหน้าด่านเต็มไปด้วยแรงงาน และประชาชนชาวกัมพูชา ต่างขนสัมภาระข้าวของมารอบริเวณหน้า ตม. กว่า 500 คน เพื่อหวังเดินทางกลับประเทศของตนเอง ส่วนภายในตลาดบ้านแหลม พบว่าร้านค้าปลีก ค้าส่งส่วนใหญ่ ซึ่งมีผู้ประกอบการและแรงงานชาวกัมพูชา ได้ปิดทำการชั่วคราวหลายแห่ง โดยเฉพาะร้านอาหาร ร้านอุปโภคข้าวของเครื่องใช้สิ่งของจำเป็นที่คนชายแดนต้องมาจับจ่ายซื้อสินค้า ทำให้ตลาดในวันนี้เป็นไปด้วยความเงียบเหงา

ด้านแรงงานชาวกัมพูชารายหนึ่ง ทำงานแผงผลไม้อยู่ที่ตลาดผลไม้ เนินสูง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เดินทางมารอข้ามแดน พร้อมครอบครัวตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อเตรียมพาครอบครัวเดินทางกลับจังหวัดบันเตียเมียนเจย หลังจากแผงทุเรียนปิดเรียบร้อย และได้รับข่าวสารจากทางประเทศบ้านเกิดว่าให้เดินทางกลับ โดยนางเฟือง เรน วัย 32 ปี หญิงชาวกัมพูชา เปิดเผยว่า ตนอยู่ประเทศไทยมาราว 10 ปีแล้ว ทำงานทั้งภาคเกษตรกรรมและล้งผลไม้ ยืนยันว่าหากมีโอกาสและสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะกลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีกครั้ง.
