ท่าทีไม่ลงรอยกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยในการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงออกมาเป็นระยะ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผศ.ดร.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษากลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน และแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยพูดว่าพูดแล้วทำ ดังนั้นการที่ออกมาพูดว่าจะไปเป็นฝ่ายค้านก็ขอให้พูดแล้วทำด้วย เพราะขณะนี้พรรคภูมิใจไทยก็ยังเล่นละครเดิมๆ อยู่ คนทั้งประเทศรู้ถึงสถานการณ์และล้วนต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การปรับ ครม.ที่จะมีขึ้นจะเป็นความหวังของประเทศ

“โฆษกบรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกระแสลูกพรรคเพื่อไทยไล่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ออกไปเป็นฝ่ายค้าน ต้องคุยกันในที่ประชุมพรรค ได้ตรวจสอบมาในหลายทางแล้ว ว่าเป็นความเห็นของ สส.แต่ละคน พรรคไม่ได้มีการสั่งให้ใครไปไล่ใครให้ออกไปเป็นฝ่ายค้าน สส.แต่ละคนอาจไปรับความรู้สึกของประชาชนมา จึงอาจทำให้มีอารมณ์ได้
“เรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันถึงมารยาทในการร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องสำคัญมาก “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร รวมถึงผู้บริหารพรรคทุกคนคำนึงถึงเรื่องนี้มาก ฉะนั้น คงจะต้องมีการปราม สส.ของเราเองว่าการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่พรรคใดจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ ควรต้องระมัดระวังมากขึ้น ไม่ควรให้มีภาพการแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล หากเปิดสมัยประชุมสภา คงได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น และสามารถสอบถามข้อเท็จจริงกันได้”

“ยอมรับว่า กังวลเรื่องภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน กรรมการบริหารพรรคยืนยันว่า ไม่ได้สั่งให้ใครออกไปไล่คนอื่นเด็ดขาด ถ้าภูมิใจไทยไม่ร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน เรากังวลแน่นอน การที่เสียงหายไป 70 กว่าเสียง มีผลมากในการประชุมสภา เราก็ต้องจัดทัพกันใหม่ ซึ่งอาจจะเหนื่อย วันนี้เรายังเชื่อมั่นว่า นายกฯ จะสามารถประสานรอยร้าวต่างๆ ในพรรคร่วมรัฐบาลได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่า นายกฯ จะนำปัญหานี้ไปพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน”
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ซึ่งเป็นกรรมการร่วมระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหนังสือเรียกตัวบุคคลเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ กรณีฮั้วเลือก สว.จำนวน 20 คน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในพรรคภูมิใจไทย ผู้อยู่ในข่าย อาทิ นายภราดร ปริศนานันทกุล นายไชยชนก ชิดชอบ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ นายธนยศ ทิมสุวรรณ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ น.ส.บุณย์ธิดา สมชัย นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ เป็นต้น หากสรุปให้ออกหมายเรียกแล้ว เมื่อได้รับหมายแล้ว บุคคลเหล่านี้ มีโอกาสเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แล้วจะสรุปสำนวนว่ามีมูลพอส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไปหรือไม่

“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา กรณีฮั้วเลือก สว. จาก กกต. ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ส่งมาที่บ้านจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่างไม่ต้องกังวล เรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เราก็ไปชี้แจงแน่นอน ต้องใช้ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ต้องใช้ทนายความเพราะเราไม่ได้มีความรู้ลึก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรอยร้าวในรัฐบาล แต่เป็นเรื่องการเมืองแน่นอน แต่มาจากใคร อะไร อย่างไร คนในวงการรู้กันอยู่แล้ว เราพูดไม่ได้ เราก็สู้ตามกฎหมายเพราะยังไงต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบหารือกับนายกฯ เรื่องปรับ ครม. ว่า “ผมจำเป็นต้องบอกคุณหรือ ?” เรื่องปรับ ครม.ไม่ได้ไปพูดคุยในที่ประชุมพรรค เพราะการปรับ ครม. หากได้รับแจ้งจากนายกฯ ก็จะมอบให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคไปดำเนินการ แต่เรายังไม่ได้รับแจ้ง
เมื่อถามต่อว่าหากนายกฯ ประสงค์อยากจะเปลี่ยน รมว.มหาดไทย มองว่าเป็นอำนาจของนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “มันไม่ใช่ มันเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล ถ้ามีการหารือกันในการปรับตำแหน่งในโควตาพรรคร่วมรัฐบาล ต้องหารือระหว่างหัวหน้าพรรคกับหัวหน้าพรรค ยืนยันว่า เรื่องนี้จบตั้งแต่ดีลช็อกมินต์” (ดีลดื่มเครื่องดื่มร่วมกันที่พรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล)

“สส.แชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนและ “สส.แบด” ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้รับหมายให้ไปชี้แจงต่อคณะทำงานของ กกต. ที่ทำคดีฮั้วเลือก สว. แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าหนังสือที่ส่งมายังตนและนายภราดรนั้นเป็นข้อความเดียวกันทั้งหมด ยกเว้นชื่อเท่านั้น สงสัยว่า เรื่องนี้อาจมีโจทย์ที่อยากยุบพรรคหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ทำตามที่เขากล่าวหามา ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลใจใดๆ
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เป็นโจทก์ ฟ้อง “สส.ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) และ “สส.เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการที่ทั้งคู่พาดพิงนายสุชาติ ถึงกรณีที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เข้าซื้ออาคาร Skyy 9 ในสมัยที่นายสุชาติ ดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงาน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี รมว.มหาดไทย แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สปส. เพื่อลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 มูลค่า 7 พันล้านบาท ทั้งที่ราคาไม่ถึง 3 พันล้านบาท นายสุชาติ กล่าวว่า ตอนลงทุนมีบอร์ด 3 ฝ่าย นายจ้าง ลูกจ้าง และศูนย์ราชการ รัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการไต่สวนวันนี้ตนก็มั่นใจว่าฝ่ายจำเลยจะต้องซักค้านตนในประเด็นนี้อย่างแน่นอน ขอยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เมื่อถามว่าอยากจะฝากอะไรถึง น.ส.รักชนก และ นายสหัสวัตหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดถึง 2 คนนั้น เพราะว่าไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงแล้ว ตนมองว่ากระบวนการยุติธรรมจะเป็นเครื่องมือพิสูจน์เรื่องนี้เอง ทำอะไรไว้รู้อยู่แก่ใจ ลองมองกลับกันถ้าเกิดเป็นตนเข้าไปกล่าวหาทั้ง 2 คนนั้นแบบเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งคู่ก็ต้องฟ้องกลับเหมือนกัน และเตรียมส่งทนายความไปยื่นฟ้องนายสหัสวัต และน.ส.รักชนก ในข้อหา ใส่ร้ายให้การเท็จเพื่อให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางภายในสัปดาห์นี้