เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รายงานสถานการณ์คนไทยในประเทศอิสราเอลและอิหร่าน โดย กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 2 ประเทศ ในการดูแลและเตรียมความพร้อมในทุกมิติ หากมีความจำเป็นต้องอพยพ โดยนายกฯ สั่งการให้มีความพร้อมตลอดเวลา ซึ่งได้รับรายงานว่า คนไทยใน 2 ประเทศ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บต่อการโจมตีแต่อย่างใด แต่ให้เตรียมการไว้ให้พร้อมตลอดเวลา
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รายงานว่าในการแก้ไขปัญหา ทั้งระดับหน้างาน หรือชายแดนที่นายกฯ ได้เคยมอบหมายให้กองทัพที่รับผิดชอบ ดำเนินการต่อไปตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งหน้างานชายแดน ยังมีส่วนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ต้องประชุมเพื่อขออนุมัติดำเนินการต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นตามสถานการณ์ทุกวัน จึงได้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ขึ้น เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมุ่งหมายที่จะแก้ไขความตึงเครียดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนกับประเทศกัมพูชาอย่างมิตรประเทศ ที่ใฝ่สันติจะพึงปฏิบัติต่อกัน บนหลักการทวิภาคีและด้วยสันติวิธีเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค และบูรณภาพแห่งดินแดน
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชน ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เรียกโดยย่อว่า “ศบ.ทก.” ประกอบด้วย 1.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 2.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ 3.ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 4.ปลัดกระทรวงมหาดไทย 5.ปลัดกระทรวงกลาโหม 6.ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 7.ปลัดกระทรวงพาณิชย์ 8.ปลัดกระทรวงแรงงาน 9.เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 10.เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา 11.ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ 12.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด 13.ผู้บัญชาการทหารบก 14.ผู้บัญชาการทหารเรือ 15.ผู้บัญชาการทหารอากาศ 16.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 17.อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ 18.อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย 19.อธิบดีกรมสารนิเทศ 20.อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก 21.โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 22.พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย 23.นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ 24.ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พิจารณา 25.ผู้ช่วยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ 26.เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร และ 27.ผู้แทน กระทรวงการต่างประเทศ
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า “ศบ.ทก.” มีหน้าที่และอำนาจติดตาม ตรวจสอบ วิเคราะห์ กลั่นกรอง และประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิดทุกเวลา และให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการที่จำเป็นเพื่อเป็นประโยชน์ในการบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี และร่วมกันบูรณาการการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มีความเป็นเอกภาพ และเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อสาธารณชน
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และรายงานผลการปฏิบัติงานและการบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี เพื่อทราบเป็นระยะ รวมถึงการดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี มอบหมายในการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ให้คำนึงถึงความมุ่งหมายที่จะแก้ไขความตึงเครียดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนกับประเทศกัมพูชาให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเช่นมิตรประเทศที่ใฝ่สันติจะพึงปฏิบัติต่อกันบนหลักการทวิภาคี อย่างเท่าเทียม และด้วยสันติวิธี เคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศ และโดยปราศจากการแทรกแซงของประเทศที่สาม หรือองค์กรระหว่างประเทศทั้งปวง โดยคณะกรรมการ ศบ.ทก. จะประชุมนัดแรกในวันเดียวกันนี้ เวลา 13.30 น. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.).