เรื่องการปรับ ครม.ตอนนี้เหมือนจะเป็นสิ่งที่ 1.พรรคเพื่อไทยต้องจัดการแบ่งโควตากันเอง เพราะพรรคร่วมอื่นเขายืนยันตัวบุคคลตามเดิม 2.ต้องคุยกับภูมิใจไทยเรื่องทำอย่างไรจะยอมยกเก้าอี้ รมว.มหาดไทยให้ ซึ่งเรื่องมันก็ยักแย่ยักยันอยู่เป็นเดือนแล้ว ข่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ได้เรียก “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย คุยเพื่อต่อรอง เอากระทรวงพาณิชย์กับสาธารณสุขแลกมหาดไทย

“นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธว่า วันที่ 16 มิ.ย.ไม่ได้คุยกับเสี่ยหนูเรื่องปรับ ครม. คุยแค่เรื่องงาน และยืนยันว่า ในครั้งที่ตั้งรัฐบาล ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรว่า คนไหนได้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรียาว ตอนนั้นพูดกันแค่เรื่องการแบ่งกระทรวง

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเหตุใดพรรคเพื่อไทยถึงอยากได้กระทรวงมหาดไทย รวมถึงอำนาจตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรีอยู่ที่นายกฯ แต่นายกฯ เดินออกจากโพเดียมโดยไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

ขณะที่ เสี่ยหนู กล่าวถึงการปรับ ครม.ที่มีการเสนอสูตร 2 แลก 1 (พาณิชย์และสาธารณสุข แลกมหาดไทย) ยืนยันเก้าอี้ มท.1 ต้องเป็นของภูมิใจไทย เรื่องนี้เป็นความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน สำคัญกว่ามานั่งเขียนข้อตกลงหรือเอ็มโอยู มิฉะนั้นอีกหน่อยจะตั้งรัฐบาลลำบาก และย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยยอมเป็นฝ่ายค้านถ้าไม่ได้เก้าอี้กระทรวงมหาดไทย เป็นไปตามข้อตกลงของการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังเป็นข้อตกลงอยู่

“ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว นายกฯ ต้องการกระทรวงมหาดไทยหรือใครต้องการ แต่มันก็ต้องมีความต้องการเกิดขึ้นแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมาลงที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงนี้มันอะไรสำคัญอะไรกันนัก” นายอนุทิน กล่าว และว่า การประชุมพรรควันที่ 16 มิ.ย. ได้สื่อสารกับลูกพรรคว่าตอนนี้มีกระแสข่าวที่มีความพยายามจะดึงกระทรวงมหาดไทยแลกกับกระทรวงอื่นๆ ซึ่งไม่ทราบว่าจะแลกกับกระทรวงอะไร ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ก็ขอตัดสินใจ ขอให้ไว้วางใจในการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค ที่จะดำเนินการที่เป็นประโยชน์ที่สุดต่อประชาชน

ลูกพรรคบอกกับตน ว่า ณ จุดนี้มันเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนก็กลายเป็นว่าเปลี่ยนพรรคภูมิใจไทยก็โดนอยู่พรรคเดียว ทั้งที่เป็นพรรคที่สนับสนุนรัฐบาลอย่างสุดซอยทุกเรื่อง ไม่เคยมีข้อยกเว้น และตนเองก็ยืนอยู่เคียงข้างนายกฯ ในทุกสถานการณ์ เวลาแถลงข่าวก็มีตนยืนอยู่ตลอด ส่วนวันนี้นายกฯ บอกว่าต่อไปจะให้เป็นหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลแถลง ตนก็เลยไม่ได้ลงมา

เมื่อถามว่า การยังคงอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นเงื่อนไขเดียวจบหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ณ ขณะนี้ก่อน นอกจากว่า จะมีทางใหม่รื้อใหม่หมด ทุบใหม่หมด คุยกัน ไม่แยกคุย แต่เป็นการคุยกันเลยว่าพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้เอาอย่างไร อันนั้นเราก็มีเหตุมีผล ผมก็ไม่ได้เป็นคนดื้ออะไร คุยกับนายกฯ ก็ต้องมีเหตุมีผลอยู่แล้ว” ความหมายคือต้องล้างไพ่ จัดโควตากระทรวงกันใหม่ทุกพรรคนั่นเอง

ที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายทิวากร สุระชน รองเลขาธิการพรรค กล่าวว่า เรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล และหันมาร่วมกับฝ่ายค้าน เพื่อร่วมสร้างการเมืองสุจริตอย่างแท้จริง ประชาชนเดือดร้อนจากวิกฤติเศรษฐกิจ ปากท้อง ความมั่นคงชายแดน และความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่รัฐบาลกลับใช้เวลานั่งจัดสรรอำนาจ แย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ๆ อย่างกระทรวงมหาดไทย เหมือนไม่เห็นหัวประชาชน รัฐบาลยังไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เป็นรูปธรรมได้สักเรื่อง ตั้งแต่ค่าครองชีพ ราคาพืชผล การศึกษา หรือสวัสดิการพื้นฐาน

“สส.ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม. ว่า เราเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นสาระมาสักระยะหนึ่ง ตนอยากให้สังคมก้าวข้ามเรื่องการปรับ ครม. แล้วมาโฟกัสเรื่องที่ใหญ่กว่า มีอีกหลายเรื่องที่กำลังรุมเร้าเราอยู่ ยิ่งเราให้ความสนใจเรื่องปรับ ครม. ก็จะยิ่งมีกระแสปั่นว่าขอคืนได้ ขอคืนไม่ได้ คนนั้นเป็นฝ่ายค้าน คนนี้เป็นฝ่ายรัฐบาล มันไม่จบ

ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าให้จบเรื่องนี้สักที มีอีกหลายเรื่องที่รอให้รัฐบาลตัดสินใจอยู่ เราต้องการสมาธิทำงานจากฝั่งรัฐบาลมากกว่าการปรับ ครม. ซึ่งไม่รู้ว่าปรับไปแล้วปากท้องของประชาชนจะดีขึ้นอย่างไร การวุ่นวายกับกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้เป็นไปเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนของพรรคการเมืองชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่ครองอยู่ ไม่ยอมปล่อย หรือฝั่งที่อยากได้ มันไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ เพื่อไทยและภูมิใจไทยจะไปต่อกันจนครบเทอมหรือไม่ ก็สุดจะเดา ขอให้พรรครัฐบาลหยุดเรื่องนี้เร็วๆ

“บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีผลโพลออกมาอยากให้ปรับ ครม.ในส่วนของ รมว.กลาโหม ว่า ไม่เป็นไร “ช่วงนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปตามสภาพ ตนไม่มีปัญหา สาธารณชนจะรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร ก็เป็นความเป็นจริงที่จะเกิด อยู่ที่ว่าการทำโพลมีมาตรฐานหรือไม่ เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไร จัดกลุ่มอย่างไร ซึ่งไม่มีปัญหา เรื่องการทำโพลชี้แจงได้ ไม่ทราบว่า เป็นโพลการเมืองหรือไม่”

สำหรับเรื่องที่ผู้ใหญ่พรรคภูมิใจไทย ถูกคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26 ของ กกต. เรียกสอบเกี่ยวข้องกับฮั้วการเลือก สว.นั้น น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเดินหน้าฟ้องร้องคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ ว่า พรรคภูมิใจไทยได้ทำหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย. 68 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ในหมายเรียก และข้อกล่าวหาไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดและไม่ได้แนบหลักฐานอะไรมา หลังพบ กกต.จึงจะดำเนินเรื่องการฟ้องร้อง เมื่อตรวจสอบหมายเรียกและนำของหลายคนมาเทียบ เห็นได้ชัดว่าหนังสือทุกตัวอักษรเหมือนกัน เปลี่ยนแค่หัวชื่อ และไม่ได้ระบุข้อกล่าวหา ทุกคนจะได้รับ 2 ฉบับจาก กกต.กลางและ กกต.จังหวัด มีความพยายามลากพรรคภูมิใจไทย เข้าไปเกี่ยวข้องในเกมตรงนี้ตลอดอยู่แล้ว ทางพรรคบอกแล้วว่าเรามั่นใจ ในหัวหน้าและกรรมการบริหารและสส.ที่โดนกล่าวหาว่า พวกเราสามารถแก้ต่างได้ทุกกรณี

“เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดชัดเจนแล้วว่าดูเป็นเกมการเมืองที่ค่อนข้างชัด เพราะโดยปกติเท่าที่เห็นข้อกล่าวหาจะระบุว่าคนไหนทำอะไรผิด หรือการนำไปสู่การยุบพรรคในสมัยก่อนก็จะเป็นเหตุมาจาก1-2 บุคคลแต่กรณีนี้พูดถึงทั้งคณะ และเมื่อดูเนื้อหา สาระ เห็นได้ชัดว่า มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ว่าไม่ใช่เกมการเมือง” น.ส.แนน กล่าว

“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราไม่ได้ทำผิดอะไร งง ไม่รู้ว่าทำไมถูกกล่าวหาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ตนได้เรียนนายกฯ ไปว่า ไม่เคยเจอแบบนี้ บอกว่า สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยโดนรัฐประหารก็ไม่โดนขนาดนี้ นี่เป็นระบอบประชาธิปไตย มีรัฐสภาแท้ๆ.

“ทีมข่าวการเมือง”